น้ำมันกดตลาด
ดัชนีวานนี้ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเริ่มปรับตัวลดลง และขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ในวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท
โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,214.95 จุด (+76.11 จุด) Volume 9.9 หมื่นลบ. ต่างชาติ +507.19 ลบ. TFEX Net -30,911 สัญญา ตราสารหนี้ -2,677 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ดัชนี CPI บ่งชี้เงินเฟ้อเดือนมี.ค. -0.54% ติดลบครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี 3M63 +0.41% สนค.ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 63 ใหม่จากเดิม +0.8% เป็น -0.6%
+ครม.เห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาระยะ3 แก่ผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 รวมวงเงิน 1.9 ล้านลบ.
+ธปท.อัดฉีดงบฯ 9 แสนล้านบาท ปล่อยซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท ตั้งกองทุนซื้อหุ้นกู้เอกชน 4 แสนล้านบาทเสริมสภาพคล่อง
-สภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้เป็น -8% จากเดิม 0-1% ประเมินว่ามีโอกาสหดตัวถึงสองหลัก
-ดัชนีดาวโจนส์พลิกปิดลดลง 26.13 จุด -0.12% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 9% แม้ระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 2.45 ดอลลาร์ -9.4% ปิดที่ 23.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2563
-สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลง 130,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
-กกร.ประชุมวันนี้คาดจะปรับลดประมาณการ GDP ลงจากเดิม 1.5-2%
+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่งขึ้น 56.77 จุด +2.05%
+ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 373.88 จุด +2.01%
+ทองคำปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นมาแรงในสัปดาห์ก่อน
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.21 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.72 บาท/US
*จับตากกร.ประชุมและธปท.เผยแพร่นโยบายการเงิน ส่วนสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และการเปิดเผยรายงานการประชุมของ FOMC
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง หลังปรับตัวขึ้นแรงวานนี้ แม้มีแรงหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น และครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท แต่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกว่า 9% ยังเป็นตัวกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,190-1,230 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
วานนี้ครม.มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.ก. จำนวน 3 ฉบับ เพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 3 โดย วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ได้แก่
พ.ร.ก. ฉบับที่ 1 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 2 แผนงาน แผนงานที่ 1 วงเงิน 600,000 ล้านบาท แผนงานด้านสาธารณสุขและเยียวยาให้กับประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และแผนงานที่ 2 วงเงิน 400,000 ล้านบาทฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่
พ.ร.ก. ฉบับที่ 2 กำหนดให้ ธปท. สามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี วงเงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจไปปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถพักชำระหนี้เดิมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท
พ.ร.ก. ฉบับที่ 3 ดูแลเสถียรภาพการเงิน 400,000 แสนล้านบาท โดยจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund: BSF) และให้ ธปท.สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว
โดยเราได้เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ได้แก่ เยียวยาให้กับประชาชน เกษตรกร (CPALL CPF MAKRO BJC) ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่ (TASCO AMATA WHA ROJNA) มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี (KBANK SCB BBL)
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
- หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
- หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
- 5 หุ้นเด่น IAA (ADVANC CPF CPALL INTUCH RATCH)
หุ้นมีข่าว
(+) STC (ราคาเหมาะสม 0.77 บาท) แจ้งมติเลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2563 ออกไปโดยไม่มีกำหนด ฟากบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแทนการจ่ายประจำปีในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 24 เมษายน 2563 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ก.พลังงาน เตรียมประกาศปรับลดสำรองน้ำมันดิบจาก 6% เหลือ 4% ภายในสัปดาห์หน้า หวังลดผลกระทบปัญหาน้ำมันล้นคลังช่วงดีมานด์ซบ ฟาก SUSCO เตรียมทบทวนยอดขายปีนี้จากเดิมคาดโต 10% (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น เรามีมุมมองบวกกับกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลงตามปริมาณน้ำมันสำรองจาก 6% เหลือ 4% ส่งผลให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อสภาพคล่องและฐานะทางการเงินของกลุ่มโรงกลั่น โดยเราชอบ TOP มากที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น
(+) “กสทช.” ชงข้อเสนอแนะของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเกี่ยวกับเพิ่มเน็ตมือถือ-อัพสปีดเน็ตบ้าน เข้าบอร์ดวันนี้ พร้อมแนะเทคนิคกดรับสิทธิ์เพิ่มเน็ตมือถืออย่างไรให้ใช้งานได้นานที่สุด (ที่มาข่าวหุ้น)
(+/-) MINT (Bloomberg Consensus 30.88 บาท) เลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 63 ลดความเสี่ยงไวรัสโควิด-19 ระบาด พร้อมยกเลิกจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น แต่จะทบทวนจ่ายปันผลปี 62 อีกครั้ง ระบุขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสถานะการเงินในขณะนั้น (ที่มาข่าวหุ้น)
(+/-) JAS (Bloomberg Consensus 4.75 บาท) วันนี้ ลูกหุ้น JAS ที่เกิดจากการแปลง JAS-W3 จำนวน 104 ล้านหุ้น เริ่มขาย โบรกฯ ชี้ไม่มีผลกับราคาหุ้นแม่ พร้อมแนะ “ถือ” รอรับปันผล 1.48 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 20 เม.ย.นี้ และกำหนดจ่ายวันที่ 12 พ.ค. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+/-) GULF (Bloomberg Consensus 173.35 บาท) ย้ายประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่โรงไฟฟ้าอุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ชงพิจารณาวาระสำคัญแตกพาร์ 1 บาท จากเดิม 5 บาท เหตุต้องได้รับการอนุมัติด่วน มั่นใจมาตรการคุมโควิด-19 เข้ม พร้อมลุ้นผู้ถือหุ้นไฟเขียวโหวตผ่านฉลุย! (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ORI (Bloomberg Consensus 7.19 บาท) รับทรัพย์กลุ่ม JV หลังโครงการร่วมทุนเริ่มทยอยรับรู้รายได้ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท โดยไตรมาสแรกทยอยโอนแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท ขณะที่มีโครงการที่เปิดขายอยู่กว่า 2.8 หมื่นล้านบาท เร่งออกมาตรการใหม่ๆ พร้อมรับมือ COVID-19 และ Digital Disruption (ที่มา ทันหุ้น)
(+) STARK (Bloomberg Consensus - บาท) รับโชคซื้อกิจการยักษ์ สายไฟ-เคเบิลเวียดนาม ชี้กำไรค่าเงินทั้งจากการแลกบาทเป็นดอลลาร์ และการแลกดอลลาร์เป็นสกุลเงินเวียดนาม เตรียมบุ๊กไตรมาส 1-2 นี้ ชี้ไม่ใช่แค่บุ๊กทางบัญชีแต่ได้กระแสเงินสดกลับมาด้วย พร้อมเดินหน้าเทกโอเวอร์หลังประเมินมีโอกาสสูงหลังโควิด ยืนยันปีนี้โตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)
(+/-) THAI (Bloomberg Consensus 3.99 บาท) "คลัง" รอประเมินแผนจัดหารายได้ระยะกลาง-ยาว THAI พร้อมเปิด 3 แนวทาง กู้เงิน-เพิ่มทุน หาผู้ร่วมทุนรายใหม่เสียบแทนกองทุนวายุภักษ์ที่ถืออยู่ 15.12% จี้ตัดสินใจ ยังควรเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ (ที่มา ทันหุ้น)