IMF ปรับลด GDP

IMF ปรับลด GDP

ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยรวมถึงรายได้/กำไรของบริษัทฯที่จะหดตัวลงรุนแรงในปีนี้ยังคงเป็นตัวถ่วงดัชนีหลัง IMF คาดการณ์ปีนี้ GDP โลกจะ -3%

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,256 จุด (+19.57 จุด) หรือ +1.58% ด้วย Volume ซื้อขาย 7.6 หมื่นล้านบาท ตอบรับยอดผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ในหลายประเทศรวมถึงไทยเริ่มทรงๆตัวและคาดว่าจะมีการผ่อนปรนการปิด Lockdown ในช่วงถัดไป ประกอบกับซาอุฯประกาศลดราคาน้ำมันดิบตระกูล Arab Light ลงส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม PETRO BANK HELTH หนุนดัชนียืนปิดในแดนบวก  อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,188 ล้านบาท  และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 476 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX 3,638 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,245 – 1,270 จุด แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ในหลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรปรวมถึงไทยจะมีทิศทางทรงถึงชะลอตัวทำให้ sentiment การลงทุนเป็นบวกและมีความคาดหวังว่าจะมีการประกาศผ่อนปรนมาตรการ Lockdown ซึ่งหนุนต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงทิศทางการลงทุนในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยรวมถึงรายได้/กำไรของบริษัทฯที่จะหดตัวลงรุนแรงในปีนี้ยังคงเป็นตัวถ่วงดัชนีหลัง IMF คาดการณ์ปีนี้ GDP โลกจะ -3% และคาดว่า GDP ไทยจะ -6.7% ตามสถานการณ์ Covid-19 ซึ่งถือว่าเป็นวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ Great depression ในปี 1930 นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากความกังวลด้าน Demand ที่หดตัวจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานรวมถึงกดดันให้ทิศทางดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, HMPRO, GLOBAL, COM7) และกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม (AOT, CENTEL, MINT, ERW) อานิสงส์ยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในไทยชะลอตัวลงต่อเนื่อง
  • กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างน้อย ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC) และกลุ่มอาหาร (CPF)
  • กลุ่มหุ้น Defensive ที่มีรายได้สม่ำเสมอและปันผลดี TTW, BCPG

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BAM (ปิด 21.9 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 27) แนวโน้มเศรษฐกิจไม่ดี NPLs มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์ จากการเข้าซื้อ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว นอกจากนี้ BAM ยังมีปัจจัยหนุนในระยะสั้นจากการเตรียมนำทรัพย์ออกประมูลขายในช่วง 2Q20 หนุนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นโดดเด่น
  • CPF (ปิด 26.75 ซื้อ/เป้า 32.75) คาดกำไรสุทธิ 1Q20 โตโดดเด่นสวนทางกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 1Q20 ประมาณ 5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 20%qoq และ 52%yoy

บทวิเคราะห์วันนี้

INTUCH (ปิด 47.75 ซื้อ/เป้าใหม่ 79 เดิม 78), TRUE (ปิด 3.4 ซื้อ/เป้าใหม่ 4.2 เดิม 4.9), ICT sector (Top pick: DTAC)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์บวกแรง 500 จุด การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เริ่มชะลอ คาดหวังสหรัฐและหลายประเทศในยุโรปผ่อนคลายมาตรการ lockdown: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 559 จุด (+2.39%) ปิดที่ระดับ 23,950 จุด ตอบรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2.6 หมื่นรายเทียบกับสัปดาห์ก่อนเฉลี่ยที่ 3 หมื่นรายต่อวัน นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนหลังรัฐบาลสหรัฐและอีกหลายประเทศในยุโรปเตรียมผ่อนคลายมาตรการ Lockdown อาทิ สเปน, เดนมาร์ก, ออสเตรีย และ สาธารณรัฐเช็ค ส่วนสหรัฐ นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ อาจจะประกาศให้มีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วง 1-2 วันข้างหน้านี้
  • (-) IMF ปรับลดคาดการณ์ World GDP ปีนี้เป็น -3% รุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิด Great depression เมื่อปี 1930: IMF ออกรายงาน World Economic Outlook ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็น -3% จากเดิมคาดขยายตัว 3.4% นับเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อปี 1930 ปัจจุบันมีประเทศขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจาก IMF มากถึง 90 ประเทศจาก 189 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดย IMF คาดว่าทั่วโลกจะมีเศรษฐกิจหดตัวรุนแรงในปีนี้แต่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวเร็วในปีหน้า โดย GDP ของยุโรป และสหรัฐคาดว่าจะถูกกระทบมากสุดในกลุ่มของประเทศพัฒนาแล้ว และ ไทยคาดว่าจะหดตัวมากสุดของกลุ่มประเทศในอาเซียน โดย IMF คาด GDP ของกลุ่มประเทศในยุโรปและสหรัฐจะหดตัว 7.5% และ 5.9% ในปีนี้ ขณะที่จีนคาดว่าจะเหลือขยายตัวเพียง 1.2% (เดิมโต 6%) ส่วนไทยคาด GDP จะหดตัว 6.7%  แต่ IMF คาด World GDP ปีหน้าจะกลับมาเติบโต 5.8% โดยจีนคาดว่าจะมี GDP เติบโตมากที่สุดประมาณ 9.2% ขณะที่ไทยคาดว่าจะกลับมาโต 6.1%
  • (-) น้ำมันดิบ WTI ลดลงแตะระดับ 20$/bbl อีกครั้ง ตลาดยังกังวลกับภาวะอุปทานล้นตลาดจากดีมานด์ที่หดตัว: ราคาน้ำมันดิบ WTI ตอบสนองในทางลบทันทีหลัง IMF ออกรายงานปรับลดคาดการณ์ GDP ของโลกในปีนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.3 ดอลลาร์ (-10.3%) ปิดที่ระดับ 20.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยการปรับลดคาดการณ์ world GDP ของ IMF ยิ่งซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดมากยิ่งขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐในช่วงเย็นวันนี้ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างที่ตลาดวิตกกังวลหรือไม่ โดย Consensus คาดสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ทีผ่านมา ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงยังเป็น Sentiment ลบกดดันหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันตามเดิมโดยเฉพาะ PTTEP ที่มีสูตรราคาสัมพันธ์กับราคาน้ำมันดิบโดยตรง