'บลจ.เอสซีบี’ชี้ขาลงหุ้นไทย'จำกัด' ชู‘SSF’รับดัชนีพุ่งหลังวิกฤติ
ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านม่ปรับฐานลงมาค่อนข้างมาก ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะยังคงมีอยู่ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในไทยก็ลดลง จึงเป็นสัญญาณสำหรับการทยอยเข้าลงทุน
“ศุภรัตน์ อารีย์วงศ์” ผู้บริหารกลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM ให้มุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอนนี้ รับข่าวการล็อกดาวน์ประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนกลุ่มธุรกิจ และหุ้นรายตัวก็ได้รับรู้ผลกระทบจากโควิด-19 ไปทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้โอกาส “ดาวน์ไซด์” จึงจำกัด ขณะที่มีโอกาสปรับขึ้นได้ทุกเมื่อ
โดยมองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี2563 ไว้ที่ 1,350 จุด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดน่าจะคลี่คลายได้ในปลายไตรมาส2 นี้ และเริ่มเปิดการล็อกดาวน์ประเทศในไตรมาส3 จากนั้นในไตรมาส4 สถานการณ์โดยรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้น
อีกทั้งประเมินว่า การลงทุนระยะสั้น ยังพอมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์หรือโดนผลกระทบน้อยจากวิกฤติโควิดด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติโควิด เช่น หุ้นกลุ่มคอนซูเมอร์ ที่เริ่มปรับตัวหาช่องทางใหม่ๆ ในการขายสินค้าได้ต่อเนื่อง แต่กลุ่มที่โดนผลกระทบโดยตรง เช่น กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจโรงแรม สายการบิน กลุ่มเหล่านี้ก็อาจต้องหลีกเลี่ยง
“ตอนนี้ดัชนีตลาดฯ เริ่มปรับขึ้นมาที่ระดับ 1,200 จุดแล้ว มองว่ากองทุนSSFXช่วยสร้างเซนติเม้นท์ที่ดีให้กับตลาดด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นตลาดหุ้นไทยพร้อมดีดตัวขึ้นทุกเมื่อ โดยไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่โอกาสปรับฐานลงแรงๆ เหมือนช่วงที่ผ่านมาคงไม่เกิดขึ้น เพราะคาดว่าตลาดรับข่าวไปหมดแล้ว และคาดว่าสถานการณ์ล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้น ยกเว้นจะสถานการณ์จะแย่ลง จากปัจจุบันเช่นจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นมาก แต่หากตลาดปรับฐานลงก็ยังเป็นโอกาสเข้าลงทุนแบบระยะยาวได้”
อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดยังผันผวนสูงและผู้ลงทุนยังคงมีความกังวลหรือไม่ค่อยแน่ใจในภาวะเช่นนี้ “ศุภรัตน์” แนะนำว่า ผู้ลงทุนยังมีระยะเวลาในช่วง3เดือนนี้ ทยอยเข้าลงทุนกองทุนรวม SSFX ได้ ซึ่งหลังจากกองทุนรวม SSFX ผ่านช่วงเปิดขายIPO และเข้าสู่ช่วงเปิดขายกองปกติโดยที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าซื้อขายได้ทุกวัน
“เราแนะนำให้ผู้ลงทุนทยอยเข้าลงทุนในภาวะเช่นนี้ คาดหวังว่า ช่วงหลังจากนี้จะมีเม็ดเงินทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่คุ้นเคยกับการลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ กองทุน LTF อยู่แล้ว”
สำหรับกองทุนSSFX ของบลจ.ไทยพาณิชย์ทั้ง3 รูปแบบ ช่วงIPO มีเงินไหลเข้าราว 100 ล้านบาท กว่า 95% มาจากช่องทางแอพพลิเคชั่น SCB EASY ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าที่เคยลงทุน LTF อยู่แล้ว โดยรูปแบบ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ผสม 70/30 เพื่อการออมชนิดเพื่อการออมพิเศษ” หรือ SCB70-SSFX ลงทุนหุ้น70% ตราสารหนี้30% มีปันผล เหมาะกับ “คนที่อยากได้สิทธิลดหย่อนภาษี แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงมากในภาวะตลาดผันผวน กองนี้มีกระแสตอบรับมากที่สุด
ส่วนอีก2 รูปแบบได้แก่ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยแอคทีฟ เพื่อการออมชนิดเพื่อการออมพิเศษ” หรือ SCBEQ-SSFX ลงทุนหุ้นไทย100% มีปันผล เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูภาวะตลาด และ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนี SET เพื่อการออมชนิดเพื่อการออมพิเศษ” หรือ SCBSET-SSFX ลงทุนหุ้นไทย ตามดัชนีSET มีปันผล เหมาะกับคนที่ชอบเลือกจังหวะในการลงทุนเองมากกว่า
" จาก 3 กองทุนนี้ ทำให้นักลงทุนมีตัวเลือกเพียงพอในการจัดพอร์ตของตัวเอง ระหว่างทางสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกองทุนรวมSSFXด้วยกันได้ โดยเริ่มลงทุนขั้นต่ำเพียง1บาทสามารถหักบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ พร้อมรับโบนัสกองทุนทองคำมูลค่า 400 บาทด้วย"