Libra ยังไม่ถึงทางตัน
เป็นที่น่าจับตาเมื่อ Libra สกลุเงินดิจิทัลจาก Facebook ที่ในช่วงเปิดตัวถูกมองว่าอาจจะมาเขย่าวงการการเงินโลก แต่ล่าสุด Libra ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พร้อมๆ กับที่มีข่าวว่า Facebook ได้เข้าไปลงทุนมหาศาลด้านอินเทอร์เน็ตในอินเดีย
เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2019 Facebook และพันธมิตรทางธุรกิจผู้ก่อตั้ง Libra Association ได้ออกมาเขย่าวงการการเงินระดับโลก ด้วยการนำเสนอแนวคิดสร้างระบบการชำระเงินและสกุลเงินใหม่ ภายใต้ชื่อ Libra ซึ่งเป็น Stablecoin ที่มีเงินสกุลหลักของโลกหนุนหลังอยู่เต็มมูลค่า เน้นสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ มุ่งให้บริการคนจำนวนมากในต้นทุนที่ตำ่ผ่านระบบ Blockchain โดยมีการคาดคะเนว่า Libra น่าจะมีบทบาทสำคัญในด้าน Digital Payment หากสมาชิกผู้ก่อตั้งมีการให้ส่วนลดในการชำระสินค้าหรือบริการด้วย Libra
ในเชิงเศรษฐศาสตร์นั้น Libra อาจจะถูกใช้แทนที่สกุลเงินในบางประเทศที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่มีปัญหาด้านเงินเฟ้อในระดับรุนแรง เนื่องจากประชาชนขาดความเชื่อมั่นและไม่ต้องการถือสกุลเงินประจำชาติที่มีแนวโน้มด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมานานและยังคงอยู่ในปัจจุบันกับบางประเทศที่คนท้องถิ่นยินดีที่จะรับเงิน USD มากกว่าเงินประจำชาติของตัวเอง โดยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Dollarization นั่นเอง
ด้วยแนวคิดเปลี่ยนโลกรุนแรงขนาดนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามหาอำนาจอย่างสหรัฐ หรือสหภาพยุโรป ก็อาจจะเกรงว่าเงิน USD และ EUR ของตนอาจถูกลดความ สำคัญลงเหลือแค่เป็น Libra Reserve ซึ่งต้องพึ่งพิงการตัดสินจาก Libra Association ว่าจะมีน้ำหนักของแต่ละสกุลเป็นสัดส่วนเท่าไหร่
และด้วยปัญหา Twin Deficits อย่างต่อเนื่องของสหรัฐ (ขาดดุลการคลังและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด) ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นหลัง Brexit ก็อาจทำให้ในอนาคต Libra Association อาจจะลดน้ำหนักของ USD หรือ EUR ลงก็เป็นได้ หรือแม้กระทั่งอาจจะนำทองคำหรือสินทรัพย์อื่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Libra Reserve หากระบบการเงินโลกอยู่ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง
หาก Libra สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบในปี 2020 ตามแผน แน่นอนว่าธนาคารกลางและรัฐบาลของแต่ละประเทศ ตลอดจนผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งหมด คงจะไม่สามารถประเมินผลกระทบได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน ดังนั้น Libra จึงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ได้รับการรับน้องแบบเข้มข้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ทำให้สมาชิกผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นขาใหญ่ในวงการ Payment ต่างถอนตัวกันหมด ทั้ง Visa, Mastercard, PayPal และ Stripe จนบางคนอาจมองว่ามันคือจุดจบของ Libra
ล่าสุดในเดือนเมษายนนี้ Libra ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นับเป็นการถอยก้าวสำคัญเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ โดย Libra ประกาศจะสร้าง Stablecoin ของแต่ละสกุลเงินหลัก (Single-currency Stablecoin) เพื่อลดแรงกดดันจากทุกฝ่าย โดยอาจเริ่มจาก LibraUSD, LibraEUR, LibraGBP และ LibraSGD จากนั้นจะทยอยเพิ่มสกุลเงินของประเทศอื่น
ซึ่งอาจรวมถึง LibraTHB ถ้าหากว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินของไทยให้ความร่วมมือ โดยทั้งหมดจะมี Reserve หนุนหลังเต็มจำนวนเช่นเดิม นอกจากนี้สกุล Libra เอง ซึ่งเป็น Multi-currency Coin ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม โดย Libra Association จะกำหนดตะกร้าเงินและสัดส่วนของแต่ละ Single-currency Stablecoin ที่เป็นส่วนประกอบของ Libra คล้ายกับ SDR ของ IMF นั่นเอง
ในด้านการขอประกอบธุรกิจด้านการเงินภายใต้เกณฑ์การกำกับดูแลที่ถูกต้องนั้น Libra Association กำลังอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจาก Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA) โดยมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องแนวทางการพัฒนา Blockchain Network ว่าจะไม่ไปไกลถึงขั้น Permissionless Network หรือ Public Blockchain เนื่องจากไม่สามารถทำกระบวนการ Due Diligence ได้ ดังนั้น Libra จะเป็น Permissioned Blockchain Network ต่อไป
ข่าวการถอยของ Libra ครั้งนี้ ออกมาใกล้เคียงกับข่าวที่ Facebook ร่วมลงทุนใน Jio ซึ่งเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมของอินเดีย ประเทศที่มีผู้ใช้งาน WhatsApp กว่า 400 ล้านคน ทั้งสองเหตุการณ์ซึ่งไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญนี้ น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ