ส.วินาศภัย ลั่นช่วงเคอร์ฟิวอุ้ม ‘ประกันรถ’ ช่วย ‘ลดเบี้ยต่ออายุ-ประวัติดี’ 20-50%
สมาคมประกันวินาศภัย เผยช่วงเคอร์ฟิวความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ลด30% จากปกติเดือนมี.ค.-เม.ย. เกิดเคลมสูงที่สุด ลั่นช่วยลดเบี้ยต่ออายุประวัติดี20-50% คาดลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่อุตสาหกรรมปีนี้เบี้ยหดตัวราว3%
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การประกาศใช้เคอร์ฟิวและการรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านนั้น ส่งผลทำให้การเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่มีคู่กรณีในเดือนเม.ย.นี้ลดลงราว 30% เป็น การเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีนี้มีสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 ของเคลมทั้งหมด ในขณะที่เคลมที่ไม่มีคู่กรณี เช่น การเฉี่ยวชนเสาหรือประตูบ้านจะมีปริมาณถึง 2 ใน 3 ของเคลมทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนมี.ค-เม.ย.นั้น เป็นช่วงที่ผู้เอาประกันภัยมีการแจ้งเคลมในลักษณะนี้สูงที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียน และในปีนี้ มาตรการการทำงานที่บ้านส่งผลให้เคลมในลักษณะนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เนื่องจากการคิดคำนวณเบี้ยประกันภัยนั้น จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้เอาประกันภัยในการขับขี่และการเกิดอุบัติเหตุดังนั้น หากผู้เอาประกันภัยมีความถี่ในการใช้รถน้อยลงเนื่องมาจากมาตรการเคอร์ฟิวและการรณรงค์ให้อยู่บ้าน และไม่เกิดอุบัติเหตุในปีที่ทำประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ในปีถัดไป ก็จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีตั้งแต่ 20- 50 %
"คาดว่าจำนวนผู้เอาประกันภัยที่จะได้รับส่วนลดเบี้ยประวัติดีในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน หากพิจารณาจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่ลดลงถึง 30% ในเดือนเม.ย.ผ่านมานี้ แต่ทั้งนี้ ยังคงต้องดูสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นภายหลังมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ด้วยว่าจะยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องหรือไม่"
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมานี้ ได้มีการปรับเพิ่มความคุ้มครองสำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจในกรณีการเสียชีวิตและทุพพลภาพ จาก 3 แสนบาทเป็น 5 แสนบาท ซึ่งในการปรับเพิ่มความคุ้มครองนี้ทางภาคธุรกิจไม่ได้มีการปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นแต่อย่างใด และคาดว่าจะส่งผลให้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันล้านบาท
ในส่วนของภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2563 นั้น นายอานนท์กล่าวว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิดอย่างแน่นอน โดย IMF ได้คาดการณ์ว่า GDP ของไทยในปี 2563 จะหดตัวสูงถึง6.7 % ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดของประเทศในกลุ่มอาเซียน ฉะนั้น จึงคาดว่าเบี้ยประกันวินาศภัยในปีนี้จะหดตัวลงอย่างน้อย 3 %