GPSC - ถือ
ผลประกอบการ 1Q63: ดีกว่าประมาณการของเรา 21%
Event
กำไรจากธุรกิจหลักของ GPSC ใน 1Q63 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (+99.0% YoY, +39.5% QoQ) คิดเป็น 30.3% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา โดยผลประกอบการไตรมาสแรกดีกว่าประมาณการของเรา 20.6% และดีกว่า Bloomberg consensus 33.0% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีเกินคาด (ต้นทุนก๊าซและถ่านหินลดลง) ทั้งนี้ หากรวมรายการพิเศษ (ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 30 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย amortization ของ GLOW 368 ล้านบาท) กำไรสุทธิใน 1Q63 จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+67.7% YoY ,+38.0% QoQ)
lmpact
รายได้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY เนื่องจากมีการรวมผลการดำเนินงานของ GLOW เข้ามาทั้ง 100%
รายได้ใน 1Q63 อยู่ที่ 1.83 หมื่นล้านบาท (+101.9% YoY, +0.2% QoQ) โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเพราะมีการรวมผลการดำเนินงานทั้ง 100% ของ GLOW เข้ามาในงบรวมเป็นครั้งแรก (ใน 1Q62 รวมแค่ 69.11% เป็นเวลา 18 วันเท่านั้น) ในขณะที่รายได้ที่ทรงตัว QoQ เป็นเพราะ i) รายได้จาก IPP เพิ่มขึ้นหักล้างไปพอดีกับรายได้จาก SPP ที่ลดลง (อุปสงค์จาก IU โรงไฟฟ้า SPPs ของ GPSC ลดลงเนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีปิดซ่อมบำรุงโรงงานตามแผน)
อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น QoQ เนื่องจาก IPP และต้นทุนของ SPP ลดลง
อัตรากำไรขั้นต้นรวมของ GPSC อยู่ที่ 18.1% ใน 1Q63 เพิ่มขึ้นจาก 13.8% ใน 4Q62 (ดีกว่าที่เรานคาดไว้ที่ 17.8%) เนื่องจาก i) IPP weighting factor ขยับสูงขึ้น และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า IPP ศรีราชาตามกำหนด (10 วัน) เหมือนใน 4Q62 ii) ต้นทุนถ่านหิน (-2% QoQ) และ ก๊าซ (-2% QoQ) ของ SPP ลดลง และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงตามกำหนด
ผลประกอบการน่าจะเร่งตัวขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ใน 2Q63 แม้จะถูกกระทบจากการลดค่าไฟ
เราคาดว่าผลประกอบการใน 2Q63 จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก i) รับรู้ผลการดำเนินงานของ GLOW เต็ม 100% ii) IPP weighting factor ขยับสูงขึ้น ซึ่งส่งผลบวกมากกว่าการที่ กฟภ. ลดค่าไฟฟ้าลง 3% ซึ่งกระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม (ประมาณ 55% ของรายได้รวม) ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมของ GPSC ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่ไม่ได้ถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการแพร่ระรบาดของ COVID-19 (อัตราการใช้กำลังการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง)
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ถือ และให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2563 ที่ 73.50 บาท โดยปัจจัยสำคัญในระยะกลางถึงระยะยาวได้แก่การเปิดดำเนินการเชิงพาณชิย์และการขยายโรงงาน battery storage จนถึงระดับ gridscale (คาดว่าจะเริ่มทดลองเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ส่วนแรกได้ในเดือนธันวาคม 2563)
Risks
ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่