'พิพัฒน์' ชงรัฐกันงบ 2 หมื่นล้าน เร่งฟื้นฟูท่องเที่ยวหลังโควิด 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เบื้องต้นกระทรวงฯได้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อของบประมาณเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท วงเงินประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาทเพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ผ่านการซ่อมสร้างแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เช่น ถนน และสะพาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมสิ่งที่ต้องซ่อมบำรุงและสร้างขึ้นใหม่ โดยการสร้างใหม่จะเน้นไปที่การท่องเที่ยวชุมชน เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้ให้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมหารือกับนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการ ททท. เกี่ยวกับเป้าหมายและนโยบายส่งเสริมภาคท่องเที่ยวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนรวบรวมนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ และนำเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป

“เบื้องต้นกระทรวงฯประเมินว่าภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะเริ่มมีชาวต่างชาติกลับมาเที่ยวไทย ทำให้ภาคท่องเที่ยวไทยต้องเร่งจัดเตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับ เช่น มาตรการคัดกรองใหม่ เพราะมองว่าคงไม่สามารถรองรับกระแสการเดินทางได้แบบเสรีเหมือนที่ผ่านๆ มา เนื่องจากวิถีชีวิตภายใต้ความปกติรูปแบบใหม่หรือนิวนอร์มอลจะกลายเป็นมาตรฐานที่มาสร้างข้อจำกัดและข้อปฏิบัติเพิ่มเติมให้กับภาคท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางนับจากนี้”

หลังจากในอดีตภาคท่องเที่ยวไทยมีสัดส่วนรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 66% ขณะที่ตลาดไทยเที่ยวไทยมี 34% ของรายได้รวม แต่พอเกิดวิกฤติโควิด-19 จึงเตรียมปรับสัดส่วนของรายได้ใหม่ของท่องเที่ยวไทย เป็นตลาดต่างชาติ 60% ตลาดไทยเที่ยวไทย 40% และค่อยๆ ปรับเป็นตลาดละ 50% ในอนาคต

ด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) กล่าวว่า หลังจากโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น และรัฐบาลได้ออกมาตรการผ่อนปรนการเปิดสถานประกอบการหรือกิจการบางประเภทเฟสแรก เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักเกณฑ์มาตรการและแนวทางการเตรียมความพร้อมเปิดกิจการหรือการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและกีฬา และทีเส็บได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในหน่วยงานร่วมเป็นคณะกรรมการชุดนี้ โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนด้านอนามัยป้องกันการแพร่โควิด-19 สำหรับผู้ประกอบกิจการและสถานที่สาธารณะกรณีผ่อนผันการดำเนินกิจการ

โดยให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในการดูแลด้านสุขอนามัยของประชาชน และเริ่มมาตรการผ่อนปรนการดำเนินธุรกิจ ทีเส็บจับมือสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) และสมาคมโรงแรมไทย (THA) ร่วมพัฒนาและจัดทำแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE Venue Hygiene Guidelines) สถานที่จัดงาน ผู้จัดงานประชุม นิทรรศการ และงานอีเวนต์ เพื่อป้องกันและควบคุมโควิด-19 และโรคติดต่ออื่นๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์ภายในประเทศทั่วทุกภูมิภาคได้ศึกษาทำความเข้าใจ เตรียมความพร้อมในการกลับมาจัดงานไมซ์อีกครั้ง หากได้รับการผ่อนปรนให้ดำเนินกิจการได้ตามพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต

โดยยังคงมาตรการความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้ร่วมงานตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เน้น 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ จำนวน 1 คนต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร 2.ตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย ต้องมีระบบดูแล ส่งต่อ และติดตามผู้ป่วย เช่น การใช้แอพพลิเคชั่น 3.การเว้นระยะห่างในสถานประกอบการ เช่น สถานที่จัดงาน ห้องประชุม บันไดเลื่อน ห้องน้ำ และห้องอาหาร 4.ระบบติดตามผู้ใช้บริการ (Tracking System) ในกรณีผู้ใช้บริการป่วย หลังจากมาใช้บริการในสถานประกอบการ และ 5.จัดระบบคิว โดยแยกพื้นที่รอก่อนใช้บริการ ทั้งนี้แนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ จะครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ระหว่างงาน ไปจนถึงหลังจบงาน