STEC - ซื้อ

Event

กำไรสุทธิของ STEC ใน 1Q63 อยู่ที่ 209 ล้านบาท (-39.0% YoY, -58.8% QoQ) คิดเป็น 15.6% ของประมาณการกำไรปี นี้ของเรา โดยผลประกอบการ 1Q63 ต่ำกว่าประมาณการของเรา 37.1% และต่ำกว่า consensus 38.6% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่ SG&A สูงเกินคาด

lmpact

ผลประกอบการจากธุรกิจหลักแย่ลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเป็นประวัติการณ์ผลประกอบการที่แย่เกินคาดอย่างมากเป็นเพราะ i) อัตรากำไรขั้นต้นต่ำเกินคาดที่ 4.3% (เราคาดไว้ที่ 5.0%) และ ii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายสูงเกินคาดที่ 1.6% (เราคาดไว้ที่ 1.3%) ทั้งนี้ เราเชื่อว่าอัตรากำไร
ขั้นต้นที่ต่ำเกินคาดเป็นเพราะปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้ า MRT สายสีชมพูและเหลืองในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงเกินคาดเป็นเพราะต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาในสัญญาโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภา รายได้ของ STEC ใน 1Q63 อยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท (+24.4% YoY, +1.9% QoQ) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงทั้ง YoY และ QoQ มาอยู่ที่ 4.3% จาก 4.5% ใน 4Q62 และ 7.3% ใน 1Q62 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเรา 5.4%

ประมาณการกำไรปีนี้ของเรายังมี downside อีก 17.5% ถ้าหากว่า GPM ปี 2563 ลดลงเหลือ 4.5%

เรายังคงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี นี้ที่ 5.3% ซึ่งหากเราปรับสมมติฐานใหม่เป็น 4.5% จะทำให้ประมาณการกำไรปี 2563 ของเรามี downside อีก 17.5% และราคาเป้าหมายของเราจะลดลงมาอยู่ที่ 17.50 บาท (PER 25x) ทั้งนี้ BSR consortium ได้เสนอขอขยายเวลาก่อสร้างโรงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูและเหลืองไปแล้ว โดย MRTA ได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอีกเก้าเดือน (จากกันยายน 2564 เป็นมิถุนายน 2565) ในขณะที่สายสีชมพูกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 21.40 บาท อิงจาก PER ที่ 25x (PER เฉลี่ยระยะยาว +1 S.D.) เรายังคงมองบวกกับแนวโน้ม backlog ที่เข้ามาใหม่จากการขยายงานโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู (3.4 พันล้านบาท) และเมืองสนามบินอู่ตะเภา (คาดว่า backlog ของงานเฟสแรกจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท) เราคาดว่าการลงนามในสัญญาก่อสร้างโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภาจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น STEC ที่สำคัญในระยะสั้น

Risks

งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด ขาดแคลนแรงงาน และประสบปัญหา cost overrun