'ศุภาลัย'เปิดแนวราบชิงดีมานด์ ทบทวนแผนคอนโด5โครงการ
ศุภาลัย ชี้หลังรัฐคลายล็อกดาวน์ ความต้องการซื้อบ้านแนวราบกลับมาเกือบปกติ ยันแผนเปิดตัวแนวราบ 25 โครงการ ขณะคอนโดทบทวนเปิดตัวคอนโด 5 โครงการในไตรมาส-3-4 เชื่อโควิดสกัดคู่แข่งเปิดโครงการลดลง
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19ว่า ในช่วงที่ภาครัฐได้ประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับล็อคดาวน์หลายธุรกิจ ขอความร่วมมือประชาชนลดการออกจากบ้าน ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยอดขายลดลง ไม่แตกต่างจากธุรกิจอื่น จากยอดการเยี่ยมชมโครงการลดลง
อย่างไรก็ตาม หลังรัฐบาลเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ ส่งผลให้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯกลับมาดีขึ้น มียอดการชมโครงการแนวราบกลับมาเกือบเป็นปกติ จากความต้องการบ้านแนวราบได้ถูกระงับไปในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อบ้านมีความมั่นใจที่จะซื้อบ้านมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของผลกระทบกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ และเป้าหมายรายได้จะต้องประเมินอีกครั้ง หลังจากที่ยอดขายลดลงในช่วงที่มีการล็อคดาวน์ โดยรายได้จากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (แบ็คล็อก) ในปี 2563 มีทั้งสิ้น 9,500 ล้านบาท จากแบ็คล็อกทั้งสิ้นมีมูลค่า 39,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากแบ็คล็อกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเป้าหมายปี 2563 ที่มีรายได้ 24,000 ล้านบาท แต่ยังมีสินค้าแนวราบสร้างเสร็จพร้อมขายและพร้อมโอนฯ อีกส่วนหนึ่งที่จะสามารถเพิ่มการรับรู้รายได้ในปี 2563
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2563 ที่วางไว้ ทั้งหมด 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท โดยยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการตามแผนที่วางไว้จำนวน 25 โครงการ ขณะที่โครงการที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม ที่วางเป้าหมายเปิดตัว 5 โครงการจะต้องมีการประเมินภาวะตลาด หากพฤติกรรมผู้บริโภคจะสามารกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ก็ยังเปิดตัวโครงการคอนโดได้ แต่หากตลาดยังไม่เอื้ออำนวยก็อาจจะต้องมีการปรับแผน
“แม้จะผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตคล้ายเดิมมากขึ้น แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ จึงต้องประเมินอีกสักพักถึงผลกระทบในการเซ็ทเป้าหมายและแผนงานใหม่ การเปิดตัวแนวราบยังคงเดิม เพราะยอดวอร์คอินเข้าชมโครงการแทบจะปกติ เพราะความต้องการมีจึงไม่น่าห่วง ส่วนคอนโด ต้องยอมรับจะพิจารณา ช่วงที่เหมาะกับการเปิดตัวโครงการหรือไม่ไตรมาสนี้ยังไม่เปิด และมีการทบทวนอีกครั้งในไตรมาสที่ 3-4 ลูกค้ากลับมาใช้ชีวิตปกติหรือไม่ จึงมาดูแผนการเปิดตัวอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม ศุภาลัยมองว่า แม้โควิด-19 จะส่งผลกระทบเชิงลบในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ศุภาลัยถือว่าจะได้เปรียบคู่แข่ง เนื่องจากมีคู่แข่งนำพัฒนาอสังหาฯบางรายได้รับผลกระทบจากสภาพคล่อง และสถานะทางการเงินจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์เลื่อนการเปิดตัวโครงการ และลดราคา ที่จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าเก่า และมีนักพัฒนาอสังหาฯบางรายเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง จึงทำให้ศุภาลัยได้เปรียบในการเปิดตัวโครงการใหม่เข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ที่ยังเปิดตัวโครงการที่พร้อมสร้างและพร้อมโอนต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
เขายังกล่าวว่า สำหรับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ หรือNew Normalที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ รวมไปถึงการใช้ชีวิตและความต้องการอสังหาฯ ที่ที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ความต้องการที่กว้างขึ้น มีการจัดสรรพื้นที่ให้พร้อมรองรับการใช้ชีวิตหลากหลาย เช่น ทำงาน ขายสินค้าออนไลน์ ดังนั้นภาคอสังหาฯ จึงต้องปรับตัวพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเปิดตัวโครงการใหม่“ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง4”บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการกว่า 2,100ล้านบาท ติดถนนรังสิต-นครนายก
ด้าน นางสาวธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า โครงการ “ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง4”ถือเป็นโครงการที่ 7 ที่เข้ามาบุกตลาดรังสิต ที่ยังมีความต้องการสูงอันดับต้นๆ ในย่านชานเมือง จึงมีการออกแบบรับนิวนอร์มอล ภายใต้แนวคิด “More Space of Life…More Happiness for Living.เพิ่มพื้นที่ความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว” เนื้อที่กว่า 92 ไร่ จำนวน375 แปลง มีให้เลือก6แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอยเริ่ม175-318ตร.ม. ราคาเริ่มต้น5.44-ล้านบาท