‘โนเบิล’รุกออนไลน์ชิงจีน ชูบ้านหลังสองยามวิกฤติ
‘โนเบิล’ เปิดเกมชิงกำลังซื้อลูกค้าจีนผ่านออนไลน์ หลังโควิดคลี่คลาย ชูจุดขายบ้านหลังที่สองยามเกิดวิกฤติโรคระบาด เร่งระบายสต็อกโครงการพร้อมอยู่มูลค่า 4,000 ล้านบาทไตรมาส2 ปีนี้
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าเดินมาถูกทางในการสกัดการระบาดของโควิด-19 จากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลงต่อเนื่อง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ในการเพิ่มความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เพราะคนต่างประเทศ โดยเฉพาะคนจีนที่มองว่าประเทศไทยปลอดภัย มีระบบสาธารณสุขที่ดีสามารถรองรับคนไข้ได้ดี ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในแง่การเป็นบ้านหลังที่สอง
“ตอนนี้คนจีน มองว่าเมืองไทยเหมาะที่จะเป็นบ้านหลังที่สอง ในยามเกิดปัญหาโรคระบาด ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาเราจะเริ่มเจาะตลาดออนไลน์ลูกค้าจีนมากขึ้น โดยสัดส่วนยอดขายลูกค้าต่างชาติมีสัดส่วน 40% ส่วนใหญ่มาจากฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มมีดีมานด์คอนโดในราคาตั้งแต่ 3-10 ล้านบาทในกรุงเทพฯเป็นหลัก”
นายธงชัย ยังกล่าวว่า การจัดสัมมนาออนไลน์ ลูกค้าสามารถดูได้พร้อมๆกันจำนวนมาก มีการไลฟ์สดตอบคำถามกัน ถือเป็นเครื่องมือใหม่ที่เข้ามาช่วยทำให้การขายเกิดได้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแวดวงอสังหาฯและธุรกิจต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ยอดการขายเร็วขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทสามารถขายได้300-400 ล้านบาท จากลูกค้าคนจีนที่เข้าซื้ออสังหาฯในไทย
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสสอง จะให้ความสำคัญการผลักดันยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ในปี 2563 ที่มีมูลค่ารวมกว่า4,000 ล้านบาท จาก7-8 โครงการ จำนวน 500 กว่ายูนิตในระดับราคา 7 ล้านบาทต่อยูนิต คาดว่า ในปี 2563 จะสามารถขายได้อย่างน้อย 50% และเตรียมพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวหลังเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างยอดขายพรีเซลปี 2563 ได้ตามเป้าที่วางไว้รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
โดยในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้ที่รอการรับรู้ (Backlog) ไตรมาสแรก มูลค่า 15,437 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ภายในปีนี้กว่า 8,000 ล้านบาทจาก 3 โครงการคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 3 เป็นต้นไป ได้แก่ โนเบิล บี19 สุขุมวิท, โนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 และนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ ส่งผลให้เป้าหมายและรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 10,000 ล้านบาททำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ขายที่ดินกว่า 31 ไร่ ที่เมืองฟูราโน่ ประเทศญี่ปุ่น มูลค่า200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ มาเก็บไว้ลงทุนอย่างอื่นแทนจากเดิมที่ซื้อมา30-40ล้านบาท
“ส่วนแผนการลงทุนตลาดต่างประเทศยังคงมองดูอยู่ แม้ว่าขณะนี้จะยกเลิกแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่อังกฤษ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ไป แต่กลยุทธ์ระยะยาวของโนเบิลยังคงต้องการอจะขยายฐานการลงทุนไปที่ต่างประเทศเพราะต้องการกระจายความเสี่ยงแต่ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม”