เบรกต่างชาติ ซื้ออสังหาฯ
สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ทรุดหนัก หลายโรงแรมประกาศขายแบบขาดทุน ปรากฏนี้ นอกจากรัฐบาลจัดงบประมาณอัตราดอกเบี้ยต่ำแล้ว อาจต้องคิดวิธีทางกฎหมาย ห้ามต่างชาติเข้ามาช้อปสินทรัพย์ หรือซื้อกิจการราคาถูกในประเทศไทยผ่านนอมินี
สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศ สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ทรุดหนัก หลายกิจการขาดทุนย่อยยับ หลายโรงแรมประกาศขายแบบขาดทุน คือปรากฏการณ์ที่ภาคเอกชนไทยกำลังเผชิญอยู่วันนี้ และต้องยอมรับว่าวันข้างหน้า ยังไม่มีใครกล้าประเมินว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ผู้ประกอบการหลายรายจึงเลือกที่จะประกาศขายกิจการ มากกว่าที่จะขอกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ ตามโครงการรัฐบาล ความเป็นจริงอย่างนี้ ต้องบอกว่าเป็นโอกาสของคนที่มีกระแสเงินสด มากกว่าคนอื่น เพราะสามารถเป็นยุคสินค้าราคาถูก เพราะหลายๆผู้ประกอบการยอมขายขาดทุน แทนที่จะเดินหน้าก่อหนี้ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้นปรากฏนี้ รัฐบาลต้องไม่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะมิฉะนั้นแล้วสินทรัพย์จะต่ำกว่าเป็นจริง ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการเพียงแค่จัดงบประมาณอัตราดอกเบี้ยต่ำคงไม่เพียงพอ อาจจะต้องคิดวิธีทางกฎหมาย ห้ามต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการ ในระดับใดบ้างที่ไม่ทำให้สินทรัพย์ราคาถูกของไทย กิจการตกอยู่กับต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งขณะนี้ทั้งโลกเชื่อว่ามีสภาพคล่องเหลือมากกว่าประเทศอื่นๆ และหากย้อนไปก่อน โควิด หลายปีทุนจีนก็ได้เข้ามาซื้อกิจการโรงแรม หรือที่เกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยวมาพอสมควรแล้ว ยิ่งหากช่วงนี้ หลายกิจการประสบปัญหา หากรัฐและรัฐบาล ยังทำอะไรแบบเดิมเชื่อว่าหลายกิจการ อาจจะต้องตกในมือต่างชาติ มากขึ้นอย่างแน่นอน จริงอยู่เรามีกฎหมายห้ามต่างชาติในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องยอมรับความจริงว่าหากมีแรงจูงใจเพิ่ม การใช้นอมินี เลี่ยงกฎหมายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความวิตกหลังโควิด ประเทศอังกฤษ ออกมารายแรก ที่มีรายงานข่าวว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศกฎหมายป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการของอังกฤษ เนื่องด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ โดยมีการกำหนดบทลงโทษเข้มงวดถึงขั้นสั่งจำคุกกรรมการบริษัท หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว โดยมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลอังกฤษมีความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลการค้าของจีน โดยกฎหมายนี้ระบุให้บริษัทต้องแจ้งให้รัฐบาลทราบหากมีบริษัทต่างชาติพยายามซื้อหุ้นของบริษัทมากกว่า 25% และต้องแจ้งเมื่อมีการซื้อสินทรัพย์หรือทรัพย์สินทางปัญญา และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัฐบาลอังกฤษหากการซื้อกิจการเป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ในกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า ถ้าบริษัทไม่ปฏิบัติตามนี้แล้ว ทางการอังกฤษมีอำนาจจำคุก ตัดสิทธิ์ หรือสั่งปรับกรรมการบริษัท โดยผู้นำอังกฤษยังต้องการให้กฎหมายดังกล่าวมีอำนาจรวมถึงความร่วมมือทางวิชาการและโครงการวิจัยต่างๆ ด้วย
เราหวังว่ารัฐบาลอาจจะไม่ต้องเข้มข้นแบบอังกฤษ แต่ต้องนั่งหารือกันอย่างจริงจังว่ากฎหมายปัจจุบัน มีประสิทธิภาพอย่างไรบ้างในการป้องกันต่างชาติ เข้ามาช้อปสินทรัพย์ หรือกิจการราคาถูกในประเทศไทย ผ่านนอมินี หากกฎหมายมีช่องว่าง ก็ควรพิจารณาเพิ่มเติม เพราะหากไม่ดำเนินการอะไร หรือยังทำแบบเดิม ขณะที่โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว เราจะไม่เหลือความภูมิใจของประเทศชาติ ความมั่งคงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ต่างๆที่เราภูมิใจหลังจากนี้ อาจจะตกอยู่ในมือทุนต่างชาติก็เป็นได้