แห่ขายสินทรัพย์เสี่ยง กดหุ้นทั่วโลก 'ดิ่งหนัก'
ในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์นี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ เหตุได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์การคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯไว้ใกล้ศูนย์ต่อเนื่องในสองปีข้างหน้า
แต่ในปลายสัปดาห์ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเล็กน้อย จากกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการระบาดรอบสองของโควิด-19 ส่งผลเกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง
สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.80-31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยยังต้องจับตาสถานการณ์ของโควิด-19 และผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะเดียวกันความขัดแย้งสหรัฐฯกับจีนในประเด็นต่างๆที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 มิ.ย.2563) ปิดการซื้อขายที่ 1,382.56 จุด ลดลง 14.21 จุด หรือ 1.02% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 85,776.18 ล้านบาท ขณะที่ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าประเมินว่าดัชนีฯน่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แต่อาจปรับตัวลดลงไม่ลึกมากนัก เพราะตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางของหลายประเทศ ซึ่งอาจมีการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยภายในประเทศคาดว่าตลาดได้ตอบรับการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 4 และการยกเลิกเคอร์ฟิวไปล่วงหน้าแล้ว โดยประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,350-1,400 จุด
ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,734.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,450 บาทต่อบาททองคำ ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุระยะสั้นราคาทองคําอาจเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานที่เข้ามากระทบ ซึ่งหากราคาทองคําไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือโซน 1,739-1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจเห็นแรงขายทํากําไรออกมา หากราคาไม่หลุดแนวรับโซน 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนําเข้าซื้อเพื่อเก็งกําไรจากการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง