'เพอร์เฟค' เบรกเปิดตัว 9 โครงการ เลื่อนดีลหมื่นล้าน 'ฮ่องกงแลนด์'
"เพอร์เฟค" แตะเบรกเปิดตัว 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท รวมโครงการหรูร่วมทุนฮ่องกง แลนด์ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เหตุเศรษฐกิจทรุด เผยแผนปี 63 เน้นระบายสต็อกเก่า 1-1.1 หมื่นล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจว่า วิกฤติโควิด ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนใหม่ เพราะภาพรวมปัญหาเก่าของธุรกิจที่อยู่อาศัยที่ค้างตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไข จึงกระทบต่อผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย สถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อ(แอลทีวี) หนี้ครัวเรือน และสงครามการค้าที่ยังไม่จบ
อีกทั้งปี 2563 ยังเพิ่มปัญหาการกระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์จึงต้องบริหารธุรกิจอย่างระมัดระวัง ไม่เปิดตัวโครงการใหม่ ตามแผนที่วางไว้เปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 เป็นการเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งหมดรวม 12 โครงการ มูลค่า 18,000 ล้านบาทลดเหลือเปิดตัวโครงการ 3 โครงการ ซึ่งเปิดตัวไปแล้วเมื่อต้นปี 1 โครงการ โดยในช่วงไตรมาส 3 จะทยอยเปิดตัวอีก 2 โครงการ
สำหรับโครงการที่ต้องเลื่อนการเปิดตัวจากปีนี้ไปเป็นปี 2564 มีทั้งหมด 9 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแนวราบที่พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ลงทุนเอง 8 โครงการ และโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่กับบริษัท ฮ่องกง แลนด์ มูลค่ากว่า 1หมื่นล้านบาท พื้นที่ 130 ไร่คอนเซ็ปต์เลค รีสอร์ท Lake Resortโครงการบ้านหรู (ลักชัวรี่) ราคาตั้งแต่ 20-45 ล้านบาท
“ภาวะเช่นนี้ไม่เน้นการลงทุน จึงไม่เปิดตัวโครงการใหม่ และไม่มีแผนซื้อที่ดินใหม่ เพราะแต่ละโครงการใช้เงินลงทุนสูง ต้องทำทางเข้าและบ้านตัวอย่างมูลค่าไม่ต่ำกว่า200-300ล้านบาทต่อโครงการ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่เป็นหมู่บ้านระดับไฮเอนด์ ต้องขุดทะเลสาบขนาดใหญ่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ใช้เงินลงทุนสูง ต้องเก็บกระแสเงินสดไว้ และเน้นขายโครงการเก่าที่สร้างเสร็จ หรือ สต็อกคงค้าง”
สำหรับแผนการบริหารธุรกิจในปี 2563 มุ่งเน้นที่การรักษาสภาพคล่อง นอกจากชะลอการลงทุนและเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จะต้องเร่งขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory)ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่าประมาณ 10,000-11,000 ล้านบาท แบ่งเป็น สินค้าจากโครงการคอนโดมิเนียม ประมาณ 7,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถระบายสินค้าคอนโดในปีนี้ได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบอีกราว 3,000-4,000 ล้านบาท เป็นการบริหารจัดการความเสี่ยง รักษาสมดุลระหว่างความต้องการ และสินค้าพร้อมขายให้เพียงพอต่อความต้องการ
เขายังกล่าวถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจเพื่อรับมือกับโควิด-19 ในปี 2563 จะต้องปรับรูปแบบบ้านให้มีพื้นที่รองรับสมาชิกทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ทั้งการห้องทำงาน และพื้นที่เรียนออนไลน์ รวมไปถึงการนำสต็อกโครงการเก่าทั้งแนวราบและคอนโด ใน 3 แห่งคือ หัวหิน, เขาใหญ่และริมน้ำเจ้าพระยา มาทำการตลาดใหม่ลดราคา ชูจุดขายสำหรับผู้อยู่อาศัยในยุคหลังโควิดสามารถทำงานได้ทุกที่ ภายใต้แคมเปญ ทำงานได้ทุกที่ (Work Anywhere)
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับเครือโรงพยาบาลพญาไท ให้การรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพอากาศ “บ้านนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์” ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 5 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท77,พระราม9-กรุงเทพกรีฑา,รามคำแหง,แจ้งวัฒนะ และ รัตนาธิเบศร์ เป็นจุดขายสำหรับบ้านระดับลักชัวรี่
ในส่วนของผลการดำเนินงานได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 2563 เหลือ 13,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 15,400 ล้านบาท โดยมาจากการโอนโครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท, โครงการ ยู คิโรโระ ที่ประเทศญี่ปุ่น 1,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 2,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายยอดขาย (Presale)ในปี 2563 ลงเหลือ 14,500 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 16,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.) มียอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป้าหมายยอดขายในปี 2563 มาจากโครงการแนวราบที่เพอร์เฟคพัฒนา 10,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบที่ร่วมทุนกับพันธมิตร 1,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการคอนโด2,500 ล้านบาท และโครงการ ยู คิโรโระ ที่ประเทศญี่ปุ่น 1,000 ล้านบาท