'หนี้' ท่วม จ่ายไม่ไหว ไปไหนได้บ้าง? เปิด 3 ช่องทางช่วย 'ลูกหนี้' ช่วงโควิด-19
เช็คตัวช่วย "ลดภาระหนี้" ช่วงโควิด-19 ที่ช่วยให้บริหารจัดการหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงสภาพวิกฤตินอกเหนือจากสถาบันการเงินเจ้าของหนี้ ไม่ว่าจะเป็น "คลินิกแก้หนี้" "ทางด่วนแก้หนี้" และโครงการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากธนาคาร "ออมสิน"
"หนี้" หรือ "หนี้สิน" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนประสบปัญหาทางการเงิน หากไม่สามารถบริหารจัดการได้ดีพอ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤติต่างๆ ที่มีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งทำให้มีโอกาสชำระหนี้ไม่ไหว ชำระไม่ครบ หรือไม่ตรงเวลา
ที่ผ่านมาภาครัฐฯ สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการทางการเงิน ต่างออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ "ลูกหนี้" เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินในช่วงนี้ให้ผ่านไปได้แบบไม่มีหนี้เสีย และไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากจนเกินไป
นอกจากมาตรการช่วยเหลือจากผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าหนี้โดยตรงแล้ว "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" รวบรวมตัวช่วยบริหารจัดการหนี้สินของประชาชนในรูปแบบต่างๆ 3 ช่องทางที่ให้บริการครอบคลุมหนี้ในระบบเกือบทุกธนาคาร ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- รวม 'สินเชื่อด่วน' แบบ 'New normal' กู้ออนไลน์ ไม่ต้องไปธนาคาร
- ‘เยียวยาเกษตรกร’ เช็คสิทธิ์ด่วน! 'ธ.ก.ส.' โอนเงินไม่ผ่าน กว่า 7 หมื่นราย
- ใบเดียวจบ! ‘ตรวจสอบสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ’ ทำง่ายๆ แค่มี ‘บัตรประชาชน’
- 'PEA-MEA' ตอบคำถาม ‘คืนเงินประกันไฟฟ้า’ มาตรการที่ยังไม่หมดอายุ
"คลินิกแก้หนี้" หรือ "คลินิกแก้หนี้บายแซม" โครงการที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหา "หนี้เสีย" ทั้งบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ให้สามารถหลุดจากวงจรหนี้บัตรเครดิตได้ผ่านการ "ปรับโครงสร้างหนี้" โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
คลินิกแก้หนี้ เข้าร่วมกับสถาบันการเงิน (bank) 17 แห่ง และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) 18 แห่ง
ผู้ที่มีคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้จะต้องอยู่ในเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- เป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 65 ปี
- เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ
- เป็น NPL ก่อน 1 ม.ค. 63 (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือน ธ.ค. 62 ต้องมีสถานะค้างชําระ 91-120 วันขึ้นไป)
- หนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท
นอกจากช่วยเหลือเจรจาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว คลินิกแก้หนี้ยังมีการอบรมให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการทางการเงิน และการออมให้บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ทั้งนี้ คลินิกแก้หนี้ยังแนะนำประชาชนให้สังเกตความถูกต้องของเพจโครงการคลินิกแก้หนี้ ว่าใช้การสะกดคำที่ถูกต้อง “คลินิกแก้หนี้” เท่านั้น ไม่ใช่ “คลีนิคแก้หนี้” หรือ “คลีนิกแก้หนี้” และคำอื่นใดในลักษณะคล้ายกันที่อาจมีผู้ประสงค์ให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่าเป็น โครงการคลินิกแก้หนี้บายแซม เนื่องจากปัจจุบันสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย สามารถติดต่อสื่อสารได้ง่าย สะดวกรวดเร็วและเป็นสื่อสาธารณะ จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบแฝงและใช้สื่อดังกล่าวแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ เช่น นโยบายเรียกเก็บเงินหรือปล่อยกู้
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ Call Center 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น. หรือสมัครผ่านเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ แอดไลน์ @debtclinicbysam หรือ Facebook คลินิกแก้หนี้ รวมถึงช่อง Debtclinicbysam บน YouTube
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ทางด่วนแก้หนี้
"ทางด่วนแก้หนี้" เป็น "ช่องทางเสริม" สำหรับประชาชนและธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงเงื่อนไขหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือต้องการความ ช่วยเหลือ ให้สามารถแจ้งความต้องการไปที่ผู้ให้บริการ ภายใต้การดูแลของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โดยหน้าที่ของคลินิกแก้หนี้ คือรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ลูกหนี้ ไม่สามารถติดต่อ ผู้ให้บริการได้เนื่องจากมีลูกค้าติดต่อเข้าไปจำนวนมาก หรือช่วยในกรณีที่ลูกหนี้ติดต่อผู้ให้บริการแล้ว แต่ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกัน เช่น คุณสมบัติไม่ผ่าน หรือเห็นว่าจะไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ แม้จะมีมาตรการผ่อนปรนของผู้ให้บริการแล้วก็ตาม เรียกง่ายๆ ว่า เป็นตัวกลางช่วยเจรจาหนี้ระหว่างผู้ให้บริการและลูกหนี้ และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
คุณสมบัติของผู้ที่สามารถขอความช่วยเหลือจากคลินิกแก้หนี้ได้ คือ
- ลูกหนี้ที่แม้จะไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการที่ผู้ให้บริการประกาศ หรือเคยติดต่อแล้วไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกัน สามารถติดต่อผ่านทางด่วนแก้หนี้ได้ เพื่อให้มีการพิจารณาเป็นรายกรณี อีกครั้งหนึ่ง
- ลูกหนี้ที่กรอกข้อมูลส่งผ่านทางด่วนแก้หนี้ได้ แต่ผู้ให้บริการไม่สามารถให้ความช่วยเหลือตามที่ลูกหนี้เสนอ ศคง. ขอให้ผู้ให้บริการ ระบุเหตุผลเพื่อแบงก์ชาติจะเข้าไปดูว่ามีอะไรที่พอจะทำได้บ้างที่จะหา ข้อยุติร่วมกัน และเดินต่อไปด้วยกันได้
- ลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่ง ทุกประเภทวงเงิน ทุกสถานะการชำระหนี้ ทั้งกรณีที่มีสถานะปกติแต่ขาดสภาพคล่องชั่วคราว หรือเป็นหนี้เสีย (NPL) หรือ ปรับโครงสร้างหนี้แล้วแต่ประสบปัญหาในขณะนี้ก็สามารถส่งคำขอผ่านช่องทางนี้ได้
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ "ทางด่วนแก้หนี้" จะต้องลงทะเบียนโดยการกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ผ่าน “แบบฟอร์มทางด่วนแก้หนี้” แสดงความจำนงก่อน
โดยเมื่อกรอกครบถ้วนแล้วข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังผู้ให้บริการที่ลูกค้าระบุไว้ (เจ้าหนี้ 1 แห่งต่อ 1 คำขอ) ทั้งนี้ หากต้องการส่งคำขอไปยังผู้ให้บริการมากกว่า 1 แห่ง ให้ส่งคำขอแยกเป็นรายผู้ให้บริการ (เช่น ถ้ามี 2 แห่ง ให้กรอกข้อมูล 2 ครั้ง) แต่ในคำขอ สำหรับผู้ให้บริการหนึ่งแห่งอาจมีสินเชื่อหลายวงเงินก็ได้ โดยปัจจุบันมีการกำหนดวงรอบการส่งข้อมูลคำขอไปยังผู้ให้บริการ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี และอาจมีการขยายเวลาให้ถี่ขึ้นหากมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
จากนั้นรอพิจารณามาตรการช่วยเหลือ ปรับปรุงเงื่อนไข หรือปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้า ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ให้บริการแต่ละแห่ง ประกอบกับความต้องการที่ลูกค้าระบุเลือกไว้และผู้ให้บริการจะติดต่อ
ต่อมาจะมีการแจ้งผลการพิจารณาให้ลูกค้าทราบตามมาตรฐานของแต่ละแห่ง ซึ่งจะมีระยะเวลาการพิจารณาแตกต่างกันตามประเภทสินเชื่อและปริมาณลูกค้า แต่โดยทั่วไปควรพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7-10 วัน
ทั้งนี้ ถ้าภายใน 2 สัปดาห์ยังไม่ได้รับการแจ้งผลการพิจารณา ลูกค้าสามารถโทรสอบถามได้ที่ 1213 ได้ โดย ศคง. ขอให้ผู้ให้บริการรายงาน ความคืบหน้าการพิจารณาคำขอของลูกค้าทุกรายที่ผ่านทางด่วนแก้หนี้ ทุกวันที่ 10, 20 และสิ้นเดือน (หรือวันทำการถัดไปกรณีที่ตรงกับวันหยุด)
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถาม ร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส สามารถติดต่อได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 1213 อีเมล www.1213.or.th
ธนาคาร "ออมสิน" เปิดโครงการช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินอื่น เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้ถือบัตรเครดิต เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เงื่อนไขการรีไฟแนนซ์
โดยเปิดรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต วงเงิน 10,000-100,000 บาท ชําระตำ่สุด 2.5% ของวงเงินอนุมัติ ผ่อนนาน 48 เดือน เท่าๆ กันทุกเดือนจนหมดสัญญา หรือชําระมากกว่า 2.5% แต่ไม่น้อยกว่า 500 บาท ทั้งนี้ ฟรีค่าธรรมเนียมใช้วงเงินตลอดการผ่อนชําระ คิดดอกเบี้ยตำ่สุด 8.5% ต่อปี
คุณสมบัติผู้ที่สามารถยื่นใช้บริการได้
สําหรับผู้ที่สามารถยื่นใช้บริการได้นั้น เป็นบุคคลธรรมดา มีรายได้ประจํา อายุ 20 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี อายุงาน 6 เดือนขึ้นไป ประกอบอาชีพอิสระอายุงาน 6 เดือนขึ้นไป หรือเป็นเจ้าของกิจการ ดําเนินธุรกิจ 1 ปีขึ้นไป อายุ 20 ปี แต่ไม่เกิน 70 ปี มีประวัติการชําระหนี้ดีย้อนหลัง 12 เดือน และไม่มีประวัติการผ่อนชําระล่าช้ามากกว่า 30 วัน รายได้ขั้นต่ำเดือนละ 15,000 บาท โดยธนาคารฯ คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-4 = 8.5% ต่อปี
สําหรับกลุ่ม ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานลูกจ้างองค์กรของรัฐและผู้มีรายได้ประจํา ส่วนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เจ้าของกิจการ และผู้ประกอบการ SMEs คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-4 = 10.5% ต่อปี โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ ธนาคารฯ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเป็นเวลา 4 ปี หลังจากนั้นสามารถขอใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดได้ตามเงื่อนไข ปกติของธนาคารต่อไป
ระยะเวลาในการสมัครลงทะเบียน: 1 มี.ค.-30 มิ.ย. 63
ที่มา: ทางด่วนแก้หนี้ คลินิกแก้หนี้ และ ธนาคารออมสิน