ส่งออกข้าวไทยตกแชมป์ เร่งดันยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี
ครึ่งแรกของปี 2563 การส่งออกข้าวไทย ตกลงมาอยู่ในอันดับ 3 โดยอันดับ1 เป็นอินเดียส่งออกข้าวประมาณ 5.5 ล้านตัน อันดับ 2 เป็นเวียดนาม 3.3-3.4 ล้านตัน และอันดับ 3 ไทยส่งออกประมาณ 3 ล้านตัน
ครึ่งแรกของปี2563 การส่งออกข้าวไทย ตกลงมาอยู่ในอันดับ 3 โดยอันดับ1 เป็นอินเดียส่งออกข้าวประมาณ 5.5 ล้านตัน อันดับ 2 เป็นเวียดนาม 3.3-3.4 ล้านตัน และอันดับ 3 ไทยส่งออกประมาณ 3 ล้านตัน โดยส่วนแบ่งตลาดข้าวขาว 5%
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทยที่จะต้องใช้ในปี 2563-2567 เป็นระยะเวลา 5 ปี เบื้องต้นเห็นว่า จะใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” โดยดึงภาคส่วนต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้ส่งออกข้าวโรงสี ภาคเกษตรกร นักวิจัย นักวิชาการ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
โดยยุทธศาสตร์ข้าวนี้จะมุ่งเน้นทำการผลิตข้าวเพื่อสนองความต้องการของตลาด 7 ชนิด คือ 1.ข้าวหอมมะลิ 2.ข้าวหอมไทย 3.ข้าวพื้นนุ่ม 4.ข้าวพื้นแข็ง 5.ข้าวนึ่ง 6.ข้าวเหนียว และ 7.ข้าวคุณภาพพิเศษที่มีตลาดเฉพาะ
ข้าวทั้ง 7 ชนิดนี้ จะแบ่งตลาดออกเป็น 3 ตลาด คือ 1.ตลาดพรีเมียม ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิกับข้าวหอมไทย 2.ตลาดทั่วไป ประกอบด้วยข้าวนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง 3.ตลาดเฉพาะ ประกอบด้วยข้าวเหนียวกับข้าวคุณภาพพิเศษ
ในส่วนของเมล็ดพันธุ์ก็ที่ประชุมเห็นว่า จะต้องมุ่งเน้นการวิจัย การปรับปรุงพันธุ์ การพัฒนาพันธุ์ให้มีคุณภาพ และการสร้างพันธุ์ข้าวพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการของตลาดให้มากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทยประสบความสำเร็จ จะมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนการ
ส่งออก การขนส่ง ขั้นตอนกระบวนการ เพื่อให้ข้าวไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งจะมีการนัดประชุมคณะอนุกรรมการฯ อีก 2-3 ครั้ง เพื่อหารือถึงขั้นตอนรายละเอียดต่างๆในการทำงาน โดยต้องให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมประชุมด้วย
“แผนยุทธศาสตรข้าวคาดว่าจะเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) และที่ประชุมครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป"
สำหรับ เป้าหมายยุทธศาสตร์ข้าวไทย มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและการส่งออกข้าว โดยจะมีการพัฒนาข้าวให้ตรงกับความต้องการของตลาด สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัย สร้างทีมขายขยายตลาดและสามารถแข่งขันได้
ด้านการตลาดในประเทศ มุ่งรักษาคุณภาพข้าวและสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สร้างเสถียรภาพด้านราคา พัฒนากลไกซื้อขายข้าวให้ได้มาตรฐาน พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มช่องทางการจำหน่ายและความต้องการบริโภค
ส่วนทางด้านการผลิต พัฒนาชาวนาให้มีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ บริหารจัดการด้านการผลิตข้าวมีประสิทธิภาพและความต้องการของตลาด เน้นการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวให้สามารถแข่งขันได้
ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งส่งเสริมการพัฒนาและแบ่งโซนการปลูกพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มให้เร็วสุด เพราะหากไม่ดำเนินการการส่งออกข้าวไทยอันดับ 1 ของโลกก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ทันที
เนื่องจาก คู่แข่งแย่งตลาดข้าวหมดยกเว้นข้าวหอมมะลิ เห็นได้จากในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ยอดการส่งออกข้าวไทยตกลงมาอยู่ในอันดับ 3 แล้ว โดยอันดับ1 เป็นอินเดียส่งออกข้าวประมาณ 5.5 ล้านตัน อันดับ 2 เป็นเวียดนาม 3.3-3.4 ล้านตัน และอันดับ 3 เป็นไทยส่งออกประมาณ 3 ล้านตัน โดยส่วนแบ่งตลาดข้าวขาว 5% ของไทยถูกคู่แข่งแย่งโดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นนุ่มของเวียดนาม
รัฐบาลต้องส่งเสริมพันธุ์ต่างๆที่หลากหลายและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ต้องไม่ต่ำกว่า 1,000 กก.ต่อไร่ จากปัจจุบัน 500-700 กก.ต่อไร่
"หากต้นทุนผลิตต่ำ ผลผลิตต่อไร่สูงไทยไม่จำเป็นต้องขายข้าวในราคาที่แพงเวอร์ เพราะหากขายแพงก็ไม่มีใครซื้อแล้วเนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งเยอะแถมยังพัฒนาจนมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยทุกประเทศทั้งอินเดีย เวียดนาม และเพื่อนบ้านไทย เป็นต้น”