พาณิชย์ เล็งปรับแผนจัดการ"หน้ากากอนามัย"
พาณิชย์เผยแผนจัดกหน้ากากอนามัย 1.2 ล้านชิ้นหลังมีโรงงานตั้งใหม่เพิ่ม รัฐเตรียมรับซื้อก่อนขายราคาทุนให้หน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ การผลิตหน้ากากอนามัยของไทยเพิ่มขึ้นมาก มาอยู่ที่วันละประมาณ 4.2 ล้านชิ้น เพราะมีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยตั้งใหม่หลายราย ล่าสุด มีโรงงานที่ผลิตได้มาตรฐาน และขายให้กับรัฐรวม 16 ราย โดยรัฐรับซื้อวันละ 3 ล้านชิ้น จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 1.8 ล้านชิ้น และกระทรวงมหาดไทย 1.2 ล้านชิ้น ประกอบกับ วัตถุดิบสำคัญ โดยเฉพาะเมลท์โบลน ที่เป็นแผ่นกรองเชื้อโรค หาซื้อได้ง่ายขึ้น และราคาถูกลง เพราะผู้ผลิตหลายใหญ่ อย่าง จีน กลับมาส่งออกมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ จำกัดการส่งออก เพื่อให้มีเพียงพอในประเทศ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้มีหน้ากากอนามัยส่วนเกินมากถึงวันละ 1.2 ล้านชิ้น ดังนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติให้กรมการค้าภายใน หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางบริหารจัดการให้เหมาะสม
“จากการหารือกับทั้งกรมบัญชีกลาง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ไปแล้ว เห็นตรงกันว่า รัฐจะรับซื้อหน้ากากอนามัยส่วนเกินวันละ 1.2 ล้านชิ้น เพื่อนำมาขายให้กับหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้ในราคาต้นทุน เช่น บริษัท การบินไทย, สายการบินต่างๆ, สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.), การท่าอากาศยาน (ทอท.) ฯลฯ ส่วน 3 ล้านชิ้นที่จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข และมหาดไทย ได้รับแจ้งว่า ขณะนี้ สาธารณสุขมีสต็อกตุนไว้เกิน 1 เดือนแล้ว ส่วนจังหวัดต่างๆ ก็มีสต็อกไว้มากแล้ว”
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้อกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เสนอให้คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ พิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ใหม่ จากในช่วงก่อนหน้า รัฐรับซื้อจากโรงงานวันละกว่า 2 ล้านชิ้น ราคาชิ้นละ 4.28 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)มาเป็นวิธีการประมูล โดยให้โรงงานเสนอราคาขายมา รายใดเสนอต่ำสุด รัฐจึงจะรับซื้อ ทำให้การซื้อเดือนมิ.ย. ซื้อได้ในราคาต่ำลงที่ชิ้นละ 4-4.15 บาท ส่วนเดือนก.ค. เหลือเพียง ชิ้นละ 3.65 บาท และคาดว่า ราคาในเดือนส.ค.นี้จะต่ำลงอีก
สำหรับการส่งออกหน้ากากอนามัยนั้น คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ได้เห็นชอบให้ต่ออายุการห้ามส่งออกต่อไปถึงวันที่ 3 ก.พ. 64 จากก่อนหน้านี้ การห้ามส่งออกได้สิ้นสุดลงสิ้นเดือนมิ.ย.63 ยกเว้นเป็นหน้ากากอนามัยเฉพาะ เช่น หน้ากากป้องกันสารเคมี, หน้ากากอนามัยที่มีลิขสิทธิ์ ผลิตภายใต้แบรนด์เนมของผู้ว่าจ้าง, โรงงานได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ผลิตเพื่อส่งออก, ส่งออกไปให้สถานทูตไทยในประเทศต่างๆ เป็นต้น