ยังขาดปัจจัยใหม่หนุน
ดัชนีวานนี้ปิดลดลงกว่า 10.76 จุด โดยมีแรงขายเข้ามาในช่วงก่อนปิดตลาด คาดถูกกดดันจากตลาดหุ้นภูมิภาคและโซนยุโรปที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ
ประกอบกับตลาดโดยรวมยังคงกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 รายใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดภายในประเทศ เราเห็นการทำ Sector Rotation จากกลุ่มพลังงานมายังกลุ่มแบงก์ โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,362.46 จุด (-10.76 จุด) Volume 6.6 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,211.06 ลบ. TFEX +3,841 สัญญา ตราสารหนี้ +7,654 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ดัชนีโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 177.10 จุด +0.68% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความหวังว่าศก.สหรัฐจะฟื้นตัวอีกครั้ง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 6 หมื่นรายสูงเป็นประวัติการณ์ทะลุ 3 ล้านรายแล้ว
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ +0.7% ปิดที่ 40.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA รายงานว่า สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐปรับตัวลดลง
+ครม.อนุมัติโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะแรก 1 แสนลบ.เน้นช่วยด้านเกษตรเป็นหลัก
-IMF เตือนว่าประเทศจำนวนมากอาจจำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้หลังการแพร่ของโรคโควิด-19 เนื่องจากการกู้ยืมพุ่งขึ้น
-ปธน.ทรัมป์เสนอให้รัฐบาลสหรัฐยกเลิกการผูกติดค่าเงินดอลล่าร์ฮ่องกงกับดอลลาร์สหรัฐ
+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 58.10 จุด +1.74% เช้าเปิด +0.04 จุด
-ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 176.04 จุด -0.78% เช้าเปิดบวกเล็กน้อย
-ทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.19 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.21 บาท/US
*จับตากกพ.แถลงการพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือนก.ย. – ธ.ค. 63 ส่วนสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก จำนวน 3.1 ล้านราย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,370 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
STGT มุมมองบวกจาก แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือเติบโตสูง
- 1Q63 มีรายได้ กำไร 273 ล้านบาท +184%YoY EBITDA margin 19.1% ปรับดีขึ้นจาก 8% ใน 1Q62 อัตรากำไรสุทธิ 11.2% จาก 5% ใน 1Q62 เนื่องจากจากปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้นและได้ประโยชน์จากการหยัดต่อขนาด (Economies of scale) และสายการผลิตใหม่จากโครงการขยายโรงงานสาขาหาดใหญ่ และโรงงานสาขาตรังที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นช่วยให้มีต้นทุนขายต่ำลง
- กำไร 2Q63 มีแนวโน้มเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและราคาเนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังโรงงานใหม่แล้วเสร็จในเดือนก.พ. 63 ส่งผลให้ Utilization rate ปรับดีขึ้นจากระดับ 9% ในช่วง 1Q63 และความต้องการใช้ถุงมือยางเติบโตตามอุตสาหกรรม Healthcare ที่ได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยมี CAGR (ปี 2559-2562) 12.2% ขณะที่ ผู้บริหารคาดปริมาณขายถุงมือปีนี้ 28,000 ล้านชิ้น +47% จากปริมาณที่ขายได้ 19,000 ล้านชิ้นในปี 62
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวก คาดว่า consensus จะปรับประมาณการกำไรและราคาเหมาะสมสำหรับปี 63 เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ PE ลดต่ำกว่าระดับ 109 เท่าในปัจจุบัน
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” (ERW CENTEL BA ASAP)
- หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
- หุ้น IAA Consensus แนะนำ (ADVANC CK CPALL CPF INTUCH)
หุ้นมีข่าว
(+) TVO (Bloomberg Consensus 30.79 บาท) มีลุ้นงบไตรมาส 2/63 อวดกำไร 518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แถมส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น คาดรายได้โต 4.50% แตะ 6,191 ล้านบาท โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 32.25 บาท/หุ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) MCOT (Bloomberg Consensus 4.50 บาท) ประชุมบอร์ด MCOT ล่มซ้ำซาก! ครั้งล่าสุด “มารุต บูรณะเศรษฐกุล” กรรมการอิสระ ร่อนหนังสือถึงประธานบอร์ด แจ้งเหตุไม่เข้าประชุม 3 ก.ค. 63 พร้อมกร้าว! จะไม่เข้าประชุมจนกว่าปมเงินเยียวยาคลื่น 2600 MHz-ตั้งบอร์ดแทนบอร์ดที่ครบวาระ-แผนฟื้นฟูกิจการ จะมีความชัดเจนและไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) AOT (Bloomberg Consensus 59.43 บาท) “การบินไทย” ขอ AOT ยกเลิกหรือลดหนี้ แถมขอหน่วยงานคมนาคม ช่วยคงสัญญาเดิมสมัยเป็นรัฐวิสาหกิจไว้ก่อน จนกว่าจะครบดีล “ปลัดคมนาคม” เผยพร้อมช่วยเท่าที่ทำได้ แต่ต้องถูกกฎหมาย และยึดหลักไม่เลือกปฏิบัติของ ICAO ยอมรับ AOT ก็แย่จาก COVID-19 คงเว้นหนี้ให้ THAI ไม่ไหว! ฟาก “กพท.” จ่อชง “กบร.” ปรับปรุงแผนแม่บทห้วงอากาศและการเดินอากาศแห่งชาติ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) IRPC (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/63 แจ่ม! อานิสงส์กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) ขยับขึ้น แตะ 8-9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้นตัว! ไร้ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แถมราคาขายผลิตภัณฑ์ธุรกิจปิโตรเลียม-ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) UTP (Bloomberg Consensus 11.75 บาท) ปรับกลยุทธ์เล็งเปิดตลาดใหม่หาลูกค้าต่างชาติเพิ่ม โฟกัสจีน-เวียดนาม ที่มีกำลังซื้อสูง ดันสัดส่วนส่งออกเพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ยอมรับภาพรวมตลาดกระดาษ Q2/2563 หดตัว เชื่อจะฟื้นตัวใน Q3/2563 พร้อมรักษาการเติบโตไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) DEMCO (Bloomberg Consensus 2.85 บาท) คว้าโครงการ GIS and Ductbank Distribution Network Project มูลค่ารวม 719 ล้านบาท และโครงการสัญญาจ้างจัดหาอุปกรณ์พร้อมก่อสร้างงานสถานีไฟฟ้า และเคเบิลใต้ดิน 230 เควี มูลค่าโครงการ 153 ล้านบาท ผู้บริหาร "พงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์" เคาะครึ่งปีหลัง 2563 โตต่อเนื่อง จากแบ็กล็อกที่มีอยู่ในมือกว่า 3,700 ล้านบาท พร้อมลุยงานภาครัฐกว่า 5 หมื่นล้านหนุนการเติบโตรอบใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RJH (Bloomberg Consensus 26.93 บาท) โดดรับเข้าช่วงไฮซีซัน หนุนครึ่งหลังปี 2563 ฟอร์มแจ่ม พร้อมตอกย้ำปีนี้รายได้พุ่ง 10% จากปีก่อน รับยอดผู้ใช้บริการขยายตัว แถมเรตค่ารักษาประกันสังคมใหม่หนุน แถมควักงบ 600 ล้านบาท ปั้นโรงพยาบาลใหม่ อัพฐานโกยเงินเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PIMO (Bloomberg Consensus - บาท) โดดรับข่าวดีกฎใหม่ในสหรัฐอเมริกา หนุนความต้องการใช้มอเตอร์สระว่ายน้ำพุ่งพรวด เร่งอัพกำลังผลิตแตะ 800 ลูกต่อวัน คาดตลาดสระว่ายน้ำส่วนตัวโต 8% ด้านผู้บริหารเผยลูกค้ารายใหญ่ในประเทศสั่งเพิ่มออเดอร์อีก 40% เล็งสร้างโรงงานซัพพอร์ต ส่งทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส (ที่มา ทันหุ้น)