โควิดบูม 'ตลาดรีเซล' ยุคทองเอเย่นท์อสังหาฯ

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมเปิดใหม่เข้าสู่ช่วงขาลง แต่ “ตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง”ที่นำกลับมาขายใหม่หรือรีเซล (Resale) กลับพลิกเข้าสู่ช่วงขาขึ้นเรียกได้ว่าเป็น ‘ยุคทอง’ ของพร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นท์ ในเครือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่างเอพีไทยแลนด์ และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น โดยบริษัทตัวแทนเหล่านี้จะทำหน้าที่เคลียร์สต็อกพร้อมขายที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ให้บรรดานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รายกลาง และรายเล็ก

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัทเอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปีนี้ถือว่าเป็นยุคทองของ พร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นท์ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ไม่ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ขณะเดียวกันยังมีความต้องการปล่อยคอนโดมิเนียมมือสอง ออกมาจำนวนมาก ทำให้ตลาดพร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นท์ /โบรกเกอร์ขยายตัวมากกว่าปกติ เพราะลูกค้าที่เป็นเจ้าของโครงการต้องการ “ตัวช่วย”ในการระบายสต็อกเพื่อให้ได้กระแสเงินสด

โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด หรือบีซี ในเครือเอพีให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เพราะต้องการให้ช่วยระบายสต็อกคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ ข้อมูลในไตรมาสแรก ปีนี้ พบว่า บีซีมีพร็อพเพอร์ตี้ มีมูลค่าอยู่ประมาณ 214-476 ล้านบาทแต่เมื่อถึงเดือน เม.ย. ที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ตัวเลขกลับพุ่งขึ้นมา 453 ล้านบาท เดือน พ.ค. กระโดดขึ้นมา1,348 ล้านบาท และในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ตัวเลขขยับขึ้นมาที่1,395ล้านบาทสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการของคอนโดมิเนียมยังคงมีอยู่ ประกอบกับบริษัทมีทั้งโปรโมชั่นและใช้เทคโนโลยีต่างๆในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการได้

“จะเห็นได้ว่าแค่ครึ่งปีแรก บีซี สามารถทำขายคอนโดมูลค่า 4,203 ล้านบาท เรามองว่า ด้วยโมเมนตัมแบบนี้ สิ้นปีนี้ บีซีจะสามารถขายได้ถึง 1 หมื่นล้านบาทได้แน่ ซึ่งเป็นมูลค่าที่มีขนาดใหญ่เท่ากับยอดขาย/รายได้ของดีเวลลอปเปอร์บางราย ล่าสุดในเดือน ก.ค.นี้ การซื้อขายของบีซี ยังโตต่อเนื่องไม่ได้ลดลง ทำให้ทุกคนอยากทำแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ต้องการความเป็นมืออาชีพสูง”

ด้าน วาทยุทธ์ ทองพรหม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบกับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ทำให้ครึ่งปีแรกการเปิดตัวโครงการลดลงต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี แต่ขณะเดียวกันกลับกลายเป็น ‘โอกาสทอง’ สำหรับพร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นท์ของนักพัฒนาอสังหาริมทรพย์รายใหญ่ที่มีความพร้อมด้านข้อมูลลูกค้าในการทำความเข้าใจขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้ามี เครือข่ายการกระจายสินค้า รวมถึงเทคโนโลยีที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ส่วนมากนิยมตั้งพร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นท์ขึ้นมาเพื่อช่วยในการระบายสต็อกสินค้าของตนเองมากกว่ารับจ้างระบายสต็อกให้กับดีเวลลอปเปอร์นอกเครือเพราะกลัวเสียโอกาส แต่หลังจากเกิดโควิดกลับกลายเป็นว่ามีดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลางและเล็กเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น”

ยกตัวอย่าง พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ในปีนี้สัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสูงถึง 70% ที่เหลือ 30% เป็นของในเครือออริจิ้นจากเดิมในปี2562 ที่ผ่านมาสัดส่วนกลับกันคือ70%เป็นของในเครือออริจิ้นที่เหลือ 30% เป็นของลูกค้า เนื่องจากปีนี้ไม่มีสินค้าจากโครงการใหม่ออกมานำเสนอลูกค้า คาดว่า สิ้นปีสัดส่วนอาจจะใหล้เคียงกัน50:50 จากมูลค่ารวม500ล้านบาท

วาทยุทธ์ ยังกล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในตลาดค่อนรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) และสินค้ารอขายจำนวนมากที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องการระบายผ่านมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำการตลาด โดยยอมจากเปอร์เซ็นต์รายได้ให้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นหากขายได้จากเดิมที่ให้3% บางรายขยับให้ถึง5% ในกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวจะให้เปอร์เซ็นต์การขายที่สูงกว่าเฉลี่ย8-12% เพื่อช่วยระบายของให้เร็วขึ้น

“การสังกัดบริษัทที่เป็นที่รู้จัก จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้ขายหรือฝั่งผู้ซื้อ และยังทำให้ลูกค้าสบายใจในการทำธุรกรรม นอกจากนี้การเป็นองค์กรขนาดใหญ่จะมีระบบการจัดการภายในที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและมีงบการทำตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นโดยอาศัยฐานลูกค้าเก่า” วาทยุทธ์ กล่าว