KTC
ผลประกอบการ 2Q63: จัดชั้นลูกค้าผิดนัดเป็น NPL
Event
กำไรสุทธิของ KTC ใน 2Q63 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 30% QoQ และ 13% YoY ซึ่งต่ำกว่าประมาการของเรา 5% และต่ำกว่า consensus 6% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1H63 คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา
lmpact
บริหารจัดการรายได้และต้นทุนในการดำเนินงานได้ดี
ผลประกอบการ 2Q63 ที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ 6% เป็นเพราะรายได้และค่าใช้จ่ายหลายรายการไม่เป็นไปตามคาด โดยรายได้จากสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) ขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้ และ เกินพอที่จะหักล้างกับรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจบัตรเครดิต ดังนั้น รายได้รวมจึงออกมาสูงเกินคาดประมาณ 10% ในขณะที่
บริษัทก็สามารถคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดี โดยต้นทุนในการซื้อสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 22% QoQ และ YoY ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงเหลือ <30% (จาก 34% ใน 2Q62 และ 1Q63) แต่อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง
กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหักล้างผลบวกจากค่าใช้จ่ายอื่นที่ลดลงไปหมด
NPL และ Credit cost เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้
เนื่องจากหนี้เสียเพิ่มขึ้น และมีการปรับมาใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ดังนั้น gross NPL จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 5.5 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ที่ 6.6% (เพิ่มขึ้นจาก 4% ในไตรมาสก่อนหน้า) โดยสัดส่วน NPL coverage อยู่ที่ 157% (ลดลงจาก 203% ใน 1Q63) แต่หากไม่รวมผลของการเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 gross NPL จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% YoY โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อ P-loan
ตั้งสำรองพิเศษ 1.0 พันล้านบาทเผื่อการบริหารหนี้เสีย (management overlay)
ถึงแม้ว่าผลประกอบการ 2Q63 จะออกมาอ่อนแอและต่ำกว่าที่เราคาดไว้ แต่ผู้บริหารก็มองว่าไตรมาสที่สองอาจจะเป็นจุดต่ำสุดแล้วถ้าหากว่าเศรษฐกิจพลิกฟื้นได้ และไม่เกิดการระบาดรอบสองขึ้นในประเทศอีก ทั้งนี้ KTC ได้เตรียมตั้งสำรองเอาไว้เผื่อไว้สำหรับการบริหารหนี้เสีย (management overlay) 550
ล้านบาทใน 2Q63 รวมเป็น 1 พันลบ.ใน 1H63 โดย KTC ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาด้วยการแปลงสัญญาเงินกู้ของลูกหนี้ 4,000 ราย มูลหนี้รวม 300 ล้านบาทเป็นสัญญาการผ่อนชำระระยะยาว โดยมีระยะปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย ( grace period) กับลูกหนี้ 99 บัญชี
Valuation and action
กำไรของ KTC ที่ต่ำกว่าคาดฯเป็นจากการสะท้อนความเสี่ยงของหนี้เสีย และการตั้งสำรองฯเผื่อหนี้เสียในอนาคตเข้ามากเพื่อสะท้อนนโยบายทางบัญชีที่อนุรักษ์นิยม ซึ่งทำให้กำไรไตรมาสนี้จะตัวต่ำสุด แลฟื้นตัวใน 2H63 แม้ว่ากำไรของ KTC มีความเสี่ยงจะปรับลดลงประมาณ 10% ราคาที่อ่อนตัวจะเป็นโอกาสใน
การซื้อ
Risks
การระบาดรอบสอง อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อผู้บริโภคต่ำลงต่อเนื่องจนเลยสิ้นปีนี้ไปอีก.