เลขา กกต.ยัน 'ทนายตั้ม' อยู่ระหว่างสอบ มีชื่อสำรอง สว.ได้ จนกว่าศาลตัดสิน
เลขา กกต.ยัน 'ทนายตั้ม' ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ มีชื่อในบัญชีสำรองได้ จนกว่าศาลจะพิพากษา ส่วนคำร้อง 'หมอเกศ' รอสำนักงานฯ รวมสำนวนส่งให้ใน พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567 ที่โรงแรมรามา การ์เดนส์ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต.สมุทรสาคร เข้าไปสอบปากคำนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ในเรือนจำ ซึ่งถูกร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติในการสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เนื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี ว่า อยู่ในกระบวนการ เมื่อมีคนร้องว่า มีลักษณะต้องห้ามของการเป็น สว. จึงต้องไปสอบตามคำร้อง อยู่ที่ว่า เมื่อสอบมาแล้วได้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร บางเรื่องก็ใช้เวลา แต่การที่เป็นข่าวระบุว่า ทำงานมาไม่ถึงระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการสอบพยานพอสมควร ไม่เหมือนถ้าเป็นเรื่องเอกสารก็จะง่ายกว่า
เมื่อถามว่า กรณีที่นายษิทราถูกดำเนินคดีฉ้อโกงขณะนี้ จะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น สว. บัญชีสำรองหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ถือว่านายษิทรายังมีคุณสมบัติการเป็น สว.ตามกฎหมาย กฎหมายอาจจะต้องดูหลายมาตรา แต่โดยสรุปคือ ขณะนี้ยังถือเป็นผู้มีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่ง สามารถอยู่ในบัญชีสำรองได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ไม่ว่าจะชั้นไหน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. หรือ "หมอเกศ" ว่า กกต.ใกล้จะได้วินิจฉัย โดยสำนักงาน กกต.ได้ เสนอให้ กกต.พิจารณาแล้ว แต่ในแง่การทำงาน มีคำร้องหลายข้อกล่าวหา สำนักงานฯ ได้มีการแยกให้ กกต.สอบแต่ละข้อกล่าวหา เพื่อความรวดเร็ว แต่สำนักงานฯ ต้องทำสำนวนแต่ละข้อกล่าวหามาให้ กกต.พิจารณาพร้อมกัน ซึ่งบางสำนวนอาจมีความซับซ้อนในการดำเนินการ มาไม่ทัน กกต.จึงมีมติให้เร่งและนำมาให้พิจารณาให้ทันภายในสิ้นเดือน พ.ย.2567 เหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ส่วนกรณีคำร้องเรียน สว.รายอื่น กกต.ก็กำลังดำเนินการ เพราะมีทั้งการร้องเรื่องคุณสมบัติ และการฮั้วเลือก ต้องใช้เวลา เพราะบางเรื่องมีความสลับซับซ้อน เนื่องจากกฎหมายเขียนไม่ชัด โดยเฉพาะการฮั้ว การสมยอมกัน เมื่อกฎหมายเขียนไม่ชัด คนทำงานก็ทำงานยาก และเรายังต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย