“เอสซีจีโฮม” ปั้นแพลตฟอร์ม O2O ชิงตลาดตกแต่งบ้านรับโควิด
เพียงแค่ 2-3 เดือนของการกักตัวอยู่บ้าน เพื่อหยุดการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) กลับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนสู่วิถีชีวิตใหม่ เกิดเทรนด์การใช้ชีวิตที่“กลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง”ต้องพลิกเกมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคโควิดจึงจะอยู่รอด
บรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME-Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี มองเทรนด์ในยุคโควิด -19 ว่า ทำให้ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และนั่นจึงนำไปสู่การเกิด“เทรนด์ไลฟ์สไตล์”การใช้ชีวิตรูปแบบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคหลังจากกักตัว 4 ด้าน คือ
1.เทรนด์การใช้ชีวิตผ่านออนไลน์มากขึ้น เช่น บันเทิง ชอปปิง 2.เทรนด์ความกังวลเกี่ยวกับสุขอนามัย ความสะอาด และความปลอดภัย 3.เทรนด์ความต้องการสินค้าคุ้มค่า มากกว่าความสวยงาม 4.เทรนด์การตกแต่งบ้านเพราะใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น จึงต้องการปรับปรุง ตกแต่ง ซ่อมแซมบ้านให้น่าอยู่ เหมาะในการใช้ชีวิตในบ้านตลอดวัน อย่างไม่อึดอัด สอดคล้องกักนับเทรนด์การตกแต่งบ้านในประเทศ
จากความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคดังกล่าว ทำให้ “เอสซีจี โฮม” พลิกองคาพยพ เชิงรุกโดยเฉพาะกองทัพหลังบ้าน คอลล์เซ็นเตอร์ เป็นกองทัพมด โทรไปหาร้านค้าตัวแทน และผู้เช่าช่วงรวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จึงช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้ 3-4 เท่า และเพิ่มยอดการเยี่ยมชม (View)เพิ่มขึ้นจากหลักแสนเป็นหลักล้าน
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า เอสซีจี โฮม ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ปิดหน้าร้านชั่วคราวบางส่วน แต่กลับพบว่าออนไลน์เติบโต จึงใช้วิกฤติโควิดเป็นโอกาสพัฒนา scghome.com เชื่อมออนไลน์กับออฟไลน์ (O2O) รองรับความต้องการคนทำบ้านครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ ตกแต่ง ซื้อสินค้าและหาวงเงินสินเชื่อ และค้นหาช่างรับเหมา สถาปนิก ตลอดจนกระจายสินค้า (โลจิสติกส์) โดยได้ดึงพันธมิตรสตาร์ทอัพเข้ามาต่อยอดการบริการใหม่ๆ
“โควิดเป็นตัวเร่งทำให้เอสซีจีโฮมพัฒนาช่องทางไฮบริดสร้างซูเปอร์แพลตฟอร์มเกี่ยวกับการทำบ้านที่ใหญ่ที่สุด เชื่อมกับพันธมิตรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับบ้าน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ออกแบบตกแต่ง สินค้า ไม่เพียงแต่วัสดุก่อสร้าง แต่รวมสินค้าเกี่ยวกับของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนช่างรับเหมา ภายใต้ นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation)ทำให้เอสซีจีเปลี่ยนผ่านสู่สิ่งใหม่ๆ ในตลาดได้อย่างรวดเร็วขึ้น”
เขายังเห็นว่า หน้าร้านสำหรับสินค้าวัสดุก่อสร้างยังสำคัญ เพราะลูกค้าต้องการเห็นสินค้า จึงต้องทำ O2O ใช้โอกาสโควิด พัฒนาธุรกิจร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้าน ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยเร่งเพิ่มร้านค้าวัสดุก่อสร้างแฟรนไชส์ 200 แห่งร้านค้าใหญ่ พื้นที่2,000-5,000 ตารางเมตร(ตร.ม) และมีร้านค้าช่วง เนื้อที่เล็กลง เป้าหมาย 2,000 แห่งภายใน 3 ปี (2563-2565) เป็นการเพิ่มพันธมิตรสร้างเครือข่ายวัสดุก่อสร้าง และนำร้านค้าเหล่านี้เข้ามาใชระบบสั่งซื้อสินค้าจากเอสซีจี“พร้อม พลัส (Prompt Plus)”ซึ่งเป็นโปแกรมสั่งสินค้าก่อสร้างแบบค้าส่ง ช่วยให้เอสซีจีเข้าถึงข้อมูลลูกค้าค้าส่งได้ รองรับยุคดิจิทัลในอนาคต ที่ข้อมูล(Big Data)เป็นสิ่งสำคัญในการวางกลยุทธ์
ทั้งนี้ในระบบการสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างในเครือในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการสั่งผ่านตัวแทนร้านค้าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้เอสซีจี โฮม ยังจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อในยุคหลังโควิด เพื่อกระตุ้นตลาด ในงาน“เทศกาลแห่งความสุขเพื่อคนรักบ้าน”SCG HOME Festival งานมีถึงวันที่ 2 ส.ค.2563 ที่ SCG Experience รวบรวมสินค้าบริการเกี่ยวกับบ้าน จัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุด 80% ตั้งแต่สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมไปถึงดึงผู้ประกอบการร้านค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)กลุ่มอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เข้ามาร่วมออกบูทฟรี