JMT

JMT

ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมากกว่าแผนที่วางไว้

Event

ประชุมนักวิเคราะห์งวด 2Q63 ของ JMT และ Jmart Group

lmpact

เพิ่มงบซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเป็น 6 พันล้านบาท (จากเดิม 4.5 พันล้านบาท)

บริษัทเพิ่มงบเงินสดที่จะใช้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในปีนี้เป็นประมาณ 6.0 พันล้านาท (จากเดิมที่ 4.5 พันล้านบาท) สูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 5.0 พันล้านบาทในปี 2563 และ 6.5 พันล้านบาทในปี 2564 โดยใน 1H63 บริษัทได้ใช้เงินซื้อสินทรัพย์ไปแล้ว 2.0 พันล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน) โดยบริษัทคาดว่าจะซื้อสินทรัพย์เพิ่มอีกประมาณ 2.0 พันล้านต่อไตรมาสใน 3Q63/4Q63 โดยคาดว่าจะซื้อสินเชื่อแบบมีหลักประกันประมาณครึ่งหนึ่งของงบที่ตั้งไว้ ซึ่งสินทรัพย์ที่จะซื้อในครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นสินเชื่อผู้บริโภค สินเชื่อจดจำนอง และสินเชื่อ SMEs ที่ไม่สามารถผ่อนเงินกู้ต่อได้หลังสิ้นสุดช่วงโครงการผ่อนผันหนี้ใน 3Q63

กระแสเงินสดจากสินรัพย์ด้อยคุณภาพยังคงแข็งแกร่งใน 2H63

เรามองว่ามีเหตุผลสำคัญ 2 ข้อที่จะทำให้บริษัทมีเงินสดแข็งแกร่งใน 2H63 ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ได้แก่ 1.) มีรายได้เพิ่มขึ้นจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพซึ่งต้นทุนถูกตัด amortized ไปหมดแล้ว 2.) รายได้ดอกเบี้ยสะสมจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มาตรฐานบัญชีอนุญาตให้บันทึกหลัง 3 เดือนจากการซื้อหนี้เสียมาบริหาร ทั้งนี้ จากการที่บริษัทซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใน 1H63 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยจำนวนหนึ่งรอการบันทึกผ่านงบกำไรขาดทุน

มีเงินลงทุนการซื้อหนี้ที่ตัดต้นทุนครบหมดแล้วเพิ่มขึ้นอย่างมาก

JMT มียอดเงินลงทุนซื้อหนี้เสียก้อนใหญ่ที่ตัดต้นทุนไปหมดแล้วถึง 4.2 หมื่นล้านบาทใน 2Q63 (เพิ่มขึ้น 6 พันล้านบาท QoQ และ7.7 พันล้านบาท YTD) ซึ่อเงินลงทุนส่วนนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4.6 หมื่นล้านบาทใน 3Q63 และเพิ่มเป็นเกือบ 5 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งยอดการชำระหนี้จากการลงทุนดังกล่าวจะถูกบันทึกเป็นรายได้เต็ม ๆ แบบไม่มีต้นทุน ซึ่งจะทำให้รายได้พุ่งขึ้นใน 2H63 ทั้งนี้ JMT บันทึกกำไร หรือรายได้จากการลงทุนที่ตัด amortized หมดแล้ว 645 ล้านบาท ในปี 2562 และประมาณ 450 ล้านบาทใน 1H63 โดยตั้งเป้าไว้ที่ > 1.0 พันล้านบาทในปี 2563 (เราใช้สมมติฐานที่ประมาณ 1.07พันล้านบาท ในปี 2563 และ 1.6 พันล้านบาทในปี 2564

คงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 40.00 บาท (P/E 35x, PEG 1.0x)

เนื่องจากผู้บริหารมองบวกมากกว่าเราในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเติบโตของรายได้ ก็แปลว่าประมาณการของเรายังมี upside มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำและราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 40 บาท (P/E ที่ 35x)

Risks

การแปลงสภาพเพิ่มจำนวนหุ้น,รายได้เก็บหนี้ต่ำกว่าเป้าหมาย,การซื้อสินทรัพย์มาบริหารในราคาสูง