‘ซีพีออลล์’จ่อเสนอขายหุ้นกู้ 4 รุ่น ชูดอกเบี้ย 3-3.4% ต่อปี
“ซีพี ออลล์” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 4 รุ่น โดยรุ่นอายุ 4 ปี 9 เดือน 1 วันเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปรวมถึงผู้ถือหุ้นกู้เดิม และอีก 3 รุ่นเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบัน โดยคาดว่าจะเปิดขายระหว่างวันที่ 21-22, 24-25 และ 28 ก.ย.นี้
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่าซีพี ออลล์เตรียมพร้อมที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 รุ่น คือ รุ่นอายุ 4 ปี 9 เดือน 1 วัน ที่เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ถือหุ้นกู้เดิมของบริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี ส่วนอีก 3 รุ่น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ได้แก่ รุ่นอายุ 9 ปี 7 เดือน 14 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี รุ่นอายุ 2 ปี 5 เดือน 17 วัน และอายุ 15 ปี ซึ่งจะแจ้งอัตราดอกเบี้ยในภายหลัง โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 21-22, 24-25 และ 28 กันยายนนี้
“การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีของผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและเป็นกิจการที่มีความมั่นคงภายใต้อุตสาหกรรมค้าปลีกที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งการจัดอันดับของทริสเรทติ้งที่ระดับ AA- นั้นได้สะท้อนถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และบริษัทฯ ยังพร้อมที่จะมุ่งสู่การให้บริการผ่านออนไลน์แบบ O2O ทั้งการให้บริการผ่านออลล์ ออนไลน์ รวมถึงบริการเดลิเวอรี่ของ “เซเว่น อีเลฟเว่น” เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค”
ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายกระจายครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัด ซึ่งมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการที่สะดวกสบาย หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าและบริการ ภายใต้แบรนด์ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ มากว่า 32 ปี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีสาขา ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ เปิดให้บริการ 12,089 สาขาทั่วประเทศ
โดยปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจหลักแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าส่ง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจให้บริการตัวแทนชำระสินค้า ตัวแทนธนาคารให้บริการรับฝาก-ถอน โอนเงิน, การผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่, การจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อครบวงจร, การให้บริการด้านบริหารคลังสินค้าและโลจิสติกส์, ธุรกิจให้บริการสั่ง การจ่าย การรับสินค้า และบริการผ่านช่องทางที่หลากหลายด้วยรูปแบบ O2O รองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกที่ ทุกเวลา, ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพให้กับชุมชน รวมถึงการก่อตั้งสถาบันการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อสังคม นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงอีกด้วย
นายเกรียงชัย กล่าวด้วยว่า จากการดำเนินธุรกิจของ “ซีพี ออลล์” ที่ก่อให้เกิดการจ้างงานสูงถึง 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในภาวะที่แรงงานกำลังเผชิญความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ลงทุนที่ไม่เพียงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงเท่านั้น แต่จะเป็นโอกาสที่ส่งต่อไปยังภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยที่สามารถเข้าสู่ระบบการจ้างงานได้มากขึ้น รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” จึงเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาส ตามปณิธานองค์กร “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”
ในขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังเชื่อมั่นได้ในความมั่นคงของกิจการ เพราะนอกจาก “ซีพี ออลล์” จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว บริษัทฯ ยังเป็นธุรกิจค้าปลีกระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำด้านองค์กรความยั่งยืน อันดับ 1 ของกลุ่ม World Index ประเภท Food & Staples Retailing Industry ในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกในดัชนีหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปี 2563 นี้บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนี FTSE4 Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers เป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของ “ซีพี ออลล์” อีกด้วย