เมเจอร์ฯส่งคอนโด‘เมทริส’ 3ทำเลจับกลุ่มมิลเลนเนียล
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ขยายคอนโดแบรนด์ ‘เมทริส’ 3 ทำเล รามคำแหงลาดพร้าว พัฒนาการ ระดับ1.5แสนบาทต่อตร.ม.ตอบโจทย์เจนวายซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์กว่า 20 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีมาอย่างต่อเนื่อง ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพลูกค้าเจนวายหรือกลุ่มมิลเลนเนียลที่กำลังจะกลายมาเป็นทั้งกลุ่มแรงงานหลัก รวมทั้งกำลังซื้อสำคัญของตลาดในอนาคตอันใกล้ เพราะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 18 -35ปี จากเดิมที่เป็นกลุ่มวัยทำงานอายุ 35 ปีขึ้นไป
จึงได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ย 100,000-150,000 บาทต่อ ตร.ม. ภายใต้แบรนด์ ‘เมทริส’ ซึ่งมาจากคำว่า Retro และ Modernist เพื่อมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล เริ่มต้นจาก 3 โครงการแรกใน 3 ทำเล มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,630 ล้านบาท ได้แก่ 1.เมทริส พระราม 9-รามคำแหง มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท 2.เมทริส ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 980 ล้านบาท และ 3.เมทริส พัฒนาการ-เอกมัย มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท
สำหรับโครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง ราคาเริ่มต้น3.1ล้านบาท ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ 4.5-5% และเมทริส ลาดพร้าว ราคาเริ่มต้นที่ 3.88 ล้านบาท ผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่าอยู่ที่ 4.2%ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงานตั้งแต่ปลายปี2562และไตรมาส 1/2563 ปัจจุบัน เป็นโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) โดยมียอดขาย80% ที่มาจากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า
ขณะที่โครงการเมทริส พัฒนาการ ราคาเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/2564 พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนที่ขยายโครงการคอนโดภายใต้แบรนด์เมทริสในทำเลลาดพร้าว รามคำแหง สุขุมวิทตอนปลาย บางนาเพิ่มเนื่องจากเป็นทำเล Expanding CBD ที่มีศักยภาพ ที่เชื่อมต่อแนวรถไฟฟ้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนรุ่นใหม่นอกจากนี้ ยังพัฒนาโครงการให้เป็นที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet-friendly residences) มีพื้นที่ส่วนกลางเฉพาะของสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเครือเมเจอร์ที่สร้างความแตกต่างและตอบโจทย์คนที่มีสัตว์เลี้ยง
“ปีนี้เราไม่มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยแม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นคงรอปีหน้าถึงจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่”
นางสาวเพชรลดา ยังกล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯช่วงครึ่งปีหลัง เห็นว่าตลาดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากผ่านช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงในช่วงไตรมาส 2 ทำให้กิจกรรมทุกอย่างหยุดชะงักชั่วคราว แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวต่อเนื่องมา ทำให้การเปิดโครงการใหม่ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุน เพราะกำลังซื้ออาจจะยังชะลอตัวอยู่ ทำให้การขายอาจจะทำได้ช้า ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนจะต้องวางแผนการลงทุนเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าสิ่งหลักที่ลูกค้าให้ความสำคัญ คือการเลือกทำเลที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน (Mass Transit) โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ต้องตอบโจทย์การเดินทาง และเข้าถึงเมืองได้ง่าย ประกอบกับการออกแบบโครงการที่ใส่ใจในรายละเอียดการอยู่อาศัยทั้งฟังก์ชั่นในห้อง และพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบาย ส่งผลต่อการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่เร็วขึ้นของลูกค้า