‘คนละครึ่ง’ ตอบคำถาม ใครได้บ้าง? รับสิทธิ 3,000 บาท ทำอย่างไร ?

"คนละครึ่ง" ตอบทุกประเด็นคำถาม มาตรการลงทะเบียนรับสิทธิ 3,000 บาท จากรัฐบาล ใครได้บ้าง? ทำอย่างไรถึงจะได้รับเงิน มีเงื่อนไขเพิ่มเติมหรือไม่

“คนละครึ่ง” มาตรการน้องใหม่จากรัฐบาล หรือที่หลายคนเรียกว่าโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟสใหม่นั้น สร้างความสับสนว่า ใครบ้างที่จะได้รับสิทธินี้ ต้องลงทะเบียนที่ไหน เมื่อไหร่ และโครงการนี้ครอบคลุมทั้งหมดกี่คน รวมถึงผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนทุกคนจะได้รับเงินจำนวนนี้หรือไม่

“กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” จะพาไปทำความเข้าใจมาตรการ “คนละครึ่ง” ง่ายๆ กันทีละสเต็ปถึงเงื่อนไขต่างๆ

1. มาตรการ “คนละครึ่ง” คืออะไร?

ตอบ มาตรการ “คนละครึ่ง” เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลจัดขึ้นมา เพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ โดยที่ประชุม ศบศ. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นบประธาน ได้เห็นชอบโครงการนี้ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ วงเงินโครงการรวม 51,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้จีดีพีขยายตัว 0.24%

ทั้งนี้ก็เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอย

2. ใครได้รับสิทธิบ้าง?

ตอบ โครงการนี้ครอบคลุ่มกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม รวมทั้งหมด 24 ล้านคน คือ

1) ประชาชนที่มีสัญชาติไทย และอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รวมทั้งหมด 10 ล้านคน ซึ่งจะต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563

2) ประชาชนที่ถือ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" รวมทั้งหมด 14 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ โดยจะเป็นการเติมเงินเข้าบัตรคนคน ในส่วนของวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รายละ 500 บาทต่อคนต่อเดือน หมายความว่า จากเดิมผู้ถือบัตรคนจนได้เงินในส่วนนี้ราว 200-300 บาท ขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคน ก็ได้จะได้เพิ่มเป็น 700-800 บาทต่อคน

3. เงื่อนไขโครงการเป็นอย่างไร?

ตอบ สำหรับประชาชนที่ไม่ใช่ผู้ถือบัตรคนจน จะต้องลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 แต่โครงการนี้จะสามารถเริ่มใช้ได้ในวันที่ 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563

ซึ่งจะเป็นรูปแบบอาศัยวิธีการร่วมจ่าย (Co-pay) รัฐช่วย 50% ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จ่าย 50% เพื่อนำไปใช้จ่ายสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป แต่ไม่รวมประเภทล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการบริการ โดยแต่ละวันสามารถใช้ได้ไม่ไม่เกิน 100 บาทต่อคน ทั้งนี้หากรวมหมดของโครงการจะได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้การใช้จ่ายจะเป็นการทำผ่านแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย

4. โครงการนี้สามารถซื้อสินค้าได้ที่ไหนบ้าง?

ตอบ สามารถซื้อของได้ที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และที่ต้องเน้นย้ำคือ ไม่สามารถใช้กับร้านสะดวกซื้อ และร้านที่เป็นแฟรนไชส์ได้ โดยรวมแล้วกลุ่มเป้าหมายร้านค้าประมาณ 100,000 ร้าน