3 ขุนพลดิจิทัล เปิด 5 หลักคิด พลิกธุรกิจสู่ “โลกวิถีใหม่”
ธปท. จัดงาน Bangkok FinTech Fair 2020 ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านประสบการณ์จาก 3 นักธุรกิจที่ปรับธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมเผย 5 หลักคิดนำธุรกิจสู่โลกวิถีใหม่ และ “เดต้า-เศรษฐกิจสร้างสรรค์” เคล็ด(ไม่)ลับฝ่าโควิด
จากงาน Bangkok FinTech Fair 2020 ในรูปแบบออนไลน์ "พร้อมรับวิถีใหม่ SME ก้าวต่อไปด้วยดิจิทัล" โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในหัวข้อ "เปลี่ยนเพื่อปรับรับ New Normal"
ผ่านประสบการณ์จาก 3 นักธุรกิจที่ปรับธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล “ฐากร ปิยพันธ์” อดีตประธานกรรมการกรุงศรี คอนซูมเมอร์ , “อริยะ พนมยงค์”ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง บริษัท Transformational และ “อภิรัตน์ หอมชะเอม” Chief Digital Officer บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด
สำหรับหลักคิด 5 ส่วน ที่องค์กรทุกระดับต้องปรับรับ New Normal ที่พูดถึงกันนั้น คือ ส่วนอย่างแรก ต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมมองแนวคิดและทัศนคติ (mindset) ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ New Normal ก่อน เพื่อนำไปสู่ ส่วนที่สองคือ การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ ที่จะเป็นเข็มทิศสำคัญ นำพาองค์กรสามารถเดินต่อไปได้ถูกทาง
ต่อจากนั้นส่วนถัดมาต้องมีการขยับหรือแตกออกมาเป็น การกำหนดกระบวนธุรกิจ (Business Process) ที่ถูกต้องหรือเป็นบิซิเนสโมเดลใหม่ ด้วยส่วนต่อมาที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร คือ การพัฒนาทักษะของคนในองค์กรทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการ Up-Skill หรือ การเสริมสร้างทักษะเดิมที่มีอยู่ ให้ยังสามารถใช้กับโลกยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Re -Skill คือการสร้างทักษะใหม่ๆ ที่ตอบรับกับโลกในปัจจุบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านดิจิทัล และการทำงานกับข้อมูลมหาศาล หรือ บิ๊กเดต้า ( Big Data)
โดยทุกส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดในภาวะเช่นนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานของส่วนสุดท้ายที่สำคัญสุด คือ การมีข้อมูล (Data) ที่มีประสิทธิภาพและเอามาใช้จริง
สำหรับคล็ด (ไม่) ลับ ในการปรับธุรกิจให้อยู่รอด และเตรียมพร้อมรับ ความท้าทาย ในยุคดิจิทัล แบบ New Normal“ฐากร ปิยพันธ์” อดีตประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ย้ำว่า วิกฤติโควิด เป็นบทพิสูจน์ และบททดสอบผู้บริหารธุรกิจ “ตั้งสติ” จำเป็นต้องมีอย่างมาก ไม่ตระหนก วิกฤติรอบนี้เหมือนวิ่งมาราธอน ต้อง “กำเงินสด ลดค่าใช้จ่าย” ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น
แต่ธุรกิจจะอยู่รอดหรือไม่รอด จะชนะหรือไม่ชนะ ต่อไปในแบบNew Nornal ได้หรือนั้น ยังเห็นว่า “ข้อมูลหรือ Data ” จะเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ถึงแม้ขณะนี้จะยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือสร้างบิซิเนสโมเดลใหม่ได้ในต่อนี้ แต่แน่นอนว่า การนำเดต้า มาหาความต้องการส่วนลึกของลูกค้า เช่นลูกค้าคนนี้ต้องการอะไรหรือในเวลานี้ลูกค้าต้องการอะไร แล้วไปหาจุดนั้นให้เจอ เชื่อมั่นว่า ธุรกิจต้องเจอในสิ่งใหม่ในรูปแบบบิซิเนสโมเดลที่คาดอาจคาดไม่ถึงแน่นอน
“อริยะ พนมยงค์” ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง บริษัท Transformational แนะนำว่า ในช่วงนี้เวลากดดันวิธีการเรียนรู้ดีที่สุด คือ ลงมือทำแล้วจะเรียนรู้เอง มีหลายเรื่องเราไม่เคยรู้ หรือไม่เคยทำมาก่อน แต่เราเรียนรู้ได้และเราต้องเรียนรู้ให้เร็ว
ในจังหวะที่ทุกคนน็อคๆ กันอยู่ หากใครลงมือทำก่อน ด้วยแนวคิดแบบเทคคอมพานี นำเทคโนโลยีมาสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ตรงจุดนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องเริ่มปูทางในอนาคตไว้ ส่วนผู้นำธุรกิจต้องเริ่มเป็นมนุษย์ตัวเลขเข้าไปดู”เดต้า”ที่มีอยู่และหาอินไซด์ให้เจอทำก่อนลุยก่อน ถ้าวันนี้เราไม่เปิดความคิด ก็ไม่มีไอเดียใหม่เกิดขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ยังมองว่า เรื่องของเดต้า เป็นเหมือนการออกกำลังหาย ธุรกิจต้องเริ่มฝึกกล้ามเนื้อส่วนนี้ให้มากขึ้น และการสร้างระบบเศรษกิจใหม่ที่เป็น “ดิจิทัลไรเซชั่น” จะช่วยเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับประเทศไทยในอนาคตด้วย
“อภิรัตน์ หอมชะเอม” Chief Digital Officer บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าว่า อยากให้ใชโควิด เป็นเหมือน wake up call หากเปรียบธุรกิจหลักของประเทศไทย คือ ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม พอเกิดโควิดแล้วจะพบว่าทั้งสองอุตสาหกรรมนี้ โดนดิสรับมากที่สุด
ดังนั้น ประเทศไทย ก้าวผ่านสู่โลกยุคถัดไป หรือNew Nornal ได้ ด้วยการนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภามากขึ้นและลดต้นทุนให้กับสองอุตสาหกรรมของประเทศ พร้อมกับหา อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
หรือ S-Curve ใหม่ให้เจอโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ที่เป็น “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ “ (Creative Economy) คือ การสร้างมูลค่าสินค้า หรือบริการที่เกิดจากความคิดของมนุษย์ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี เชื่อว่าประเทศไทยไปถึงจุดนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี Wake up call ชื่อ โควิด เป็นตัวตั้ง
เพราะในช่วงโควิดที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า ทำให้หลายๆ อย่างที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้แล้ว เช่น work fromhome กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่องค์กรเห็นประโยชน์ ลดต้นทุนและพนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น