'พาร์คลักชัวรี่' พิษโควิด ฉุดคอนโดหรูหดตัว 2 ปี
“พาร์ค ลักชัวรี่” ประเมินสถานการณ์โควิด ฉุดตลาดคอนโดมิเนียมหรูหดตัวยาว 2 ปี พลิกแผนชะลอเปิดตัวโครงการไฮเอ็นด์เหลือปีละ 1-2 โครงการ จาก 5-6 โครงการ รอจังหวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อฟื้น
นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด บริษัทในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ คาดการณ์ว่า สถานการณ์โควิด จะส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ในระยะ 2 ปีจากนี้ โดยจะหดตัวราวปีละ 6-7% เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดังนั้นบริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการและงานบริการ โดยอาศัยทีมงานจากโรงแรมดุสิตธานี ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการโรงแรมระดับ5ดาว มาช่วยฝึกพนักงานในการให้บริการลูกค้า โดยในปี 2564-2565 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ระดับราคา 150,000-200,000 บาทต่อตร.ม. ปีละ1-2โครงการมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาทจากเดิมก่อนเกิดโควิดวางไว้5-6โครงการ ในย่านติดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นหลัก ทั้งทางตอนเหนือโซนหลังเมเจอร์รัชโยธิน หรือตอนกลางสุขุมวิท ย่านบางนา
"ต้องยอมรับว่า2ปีจากนี้ไม่ใช่เวลาของตลาดคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ เราจึงต้องพัฒนาโครงการให้มีความพร้อมรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในปี2566-2567 ด้วยการหาซื้อที่ดินที่มีศักยภาพในการทำโครงการ ย่านรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำเลปุณณวิถีที่ยังมีที่ดินผืนใหญ่เหลืออยู่ หากมีความพร้อมจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ราคา ตร.ม.ละ3แสนบาท”
นายสิริพงศ์ ยังกล่าวว่า ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ก้าวเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์มา 5 ปี โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร ซึ่งถือเป็นโครงการแฟล็กชิพในเซ็กเมนท์ดังกล่าว ล่าสุด จนถึงไตรมาส 2/2563 บริษัทได้พัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ไนท์บริดจ์แล้วทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,000 ล้านบาท ผ่าน 4 แบรนด์ย่อย ได้แก่ 1.ไนท์บริดจ์ 2.ไนท์บริดจ์ ไพร์ม 3.ไนท์บริดจ์ สเปซ และ 4.ไนท์บริดจ์ คอลลาจ
“ดีเอ็นเอของแบรนด์ไนท์บริดจ์ คือการพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มไฮเอนด์ในทำเลที่ตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบ พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ทันสมัย หลากหลาย ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่การก่อสร้าง การออกแบบฟังก์ชันต่างๆ เพื่อให้ห้องพักอาศัยและตัวโครงการสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในราคา 150,000-200,000 บาทต่อ ตร.ม. โดยกลุ่มลูกค้ามีรายได้ต่อเดือน1แสนบาท”
นายสิริพงศ์ ยังกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 จะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่อีก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท107 มูลค่าโครงการ 1,080 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 3/2563 และโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โครงการไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม9 มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2563
สำหรับโครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช เป็นอาคาร 47 ชั้น 1 อาคาร สูงที่สุดในย่านอ่อนนุช ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่ 2 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 77 ติดบิ๊กซี อ่อนนุช และใกล้โครงข่ายรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีอ่อนนุช เชื่อมต่อใจกลาง CBD ในกรุงเทพฯ ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)
“ทำเลอ่อนนุช กำลังจะกลายเป็นย่านใหม่สำหรับชาวญี่ปุ่น เพราะหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด ทำให้ชาวญี่ปุ่นและบริษัทญี่ปุ่นในไทยจำนวนมากมองหาทำเลการอยู่อาศัยใหม่ที่มีราคาปรับตัวลงมาจากย่านพร้อมพงศ์และทองหล่อ แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ย่านไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น ซึ่งทำเลอ่อนนุชถือเป็นทำเลที่ชาวญี่ปุ่นกำลังให้ความสนใจอย่างมาก”
สำหรับโครงการเปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (GS E&C) บริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของเกาหลีใต้ คาดว่าจะเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในเดือนต.ค. นี้ คาดสิ้นปีนี้พาร์ค ลักชัวรี่จะมียอดโอน 3,000 ล้านบาท