“สิงห์ปาร์ค”ต่อจิ๊กซอว์จากไร่ชา สู่โซลูชั่นโพรวายเดอร์ ฟู้ดเซอร์วิส
ในงาน Thaifex Anuga Asia 2020 หนึ่งในงานแสดงสินค้าและอาหารนานาชาติ ที่ใหญ่ระดับโลก เปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรูปแบบของไฮบริด ผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้ารวม797 บริษัทที่ต่างขนนวัตกรรมมานำเสนอ
หนึ่งในนั้น สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ โชว์ศักยภาพธุรกิจเครื่องดื่มทั้งกลุ่มแอลกอฮอล์และนอลแอลกอฮอล์ รวมถึงกลุ่มธุรกิจอาหารในเครือทั้งหมด
ปีนี้ สิงห์ฯสะท้อนแนวคิด “การเป็นบริษัทที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน” ผ่านนิทรรศการ นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจหลากหลายแง่มุม โดยในโซนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โชว์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอ อาทิ สิงห์, ลีโอ, มายเบียร์, EST.33 และ ยูเบียร์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์นอนแอลกอฮอล์ นำศักยภาพแบรนด์ น้ำดื่มสิงห์, โซดาสิงห์, น้ำแร่เพอร์ร่า, สาหร่ายมาชิตะ มานำเสนอ และน้องใหม่ ‘สิงห์ เลมอนโซดา’
ขณะที่อีก “บิ๊กมูฟ” ของสิงห์ปาร์ค คือการเปิดตัว Absolute Tea Tuning Center สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของชาให้ธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส
พงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด ขยายความว่า มองเห็นโอกาสในการต่อยอดไร่ชาที่ถือว่าเป็นพื้นที่ปลูกชาใหญ่ที่สุดในไทยก่อนเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากเมื่อปี 2558 บริษัทได้ร่วมทุนกับ มารุเซ็น ประเทศญี่ปุ่นตั้งบริษัท มารุเซ็น ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งโรงงานผลิตชาครบวงจรที่สิงห์ปาร์ค ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตชาเขียวญี่ปุ่นนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก ที่ได้รับโนว์ฮาวและเทคนิคต่าง ๆ ในการปลูก และดูแลรักษาคุณภาพชาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนการแปรรูปชาทุกขั้นตอนจากผู้เชี่ยวชาญประเทศญี่ปุ่นแล้วได้รับการตอบรับที่ดี จนมีสัดส่วนรายได้ไม่แพ้กับการท่องเที่ยว
รวมทั้งแนวโน้มความนิยมของผู้บริโภคชาทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทย จึงมุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมชา ด้วยการสร้างมูลค่าให้กับชาที่ปลูกในไทย เพื่อยกระดับการพัฒนาสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พัฒนาเป็น ‘Business Solutions Provider’ เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารอย่างครบวงจร โดยจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แนวคิด ‘Absolute Tea Tuning Center’ หรือ Total Tea Solutions เพื่อการพัฒนาธุรกิจชาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริม ยกระดับอุตสาหกรรมการปลูกชาในประเทศไทยที่เป็นต้นน้ำเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย เพราะในฐานะผู้ผลิตบริษัทมีความตั้งใจพัฒนาธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาด
“ศูนย์ฯจะร่วมดีไซน์ชาให้เข้าไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อให้ได้รสชาติชาตามที่ต้องการ ของแต่ละยี่ห้อได้ ในรูปแบบของโซลูชั่นโพรวายเดอร์ ที่ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service)ในฐานะผู้ผลิตที่อยู่กลางน้ำถือเป็นกลไกสำคัญในการที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการสินค้าคุณภาพในต้นทุนการผลิตที่ถูกลง”
โดยกลุ่มเป้าหมายระยะแรกจะเป็นการตลาดแบบ B2B (Business to Business) เน้นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ เครื่องดื่มอาร์ทีดี ซอฟท์ดริ้งท์ เครื่องดื่มค็อกเทล แฟรนไชส์ร้านกาแฟ เบอเกอรี่ต่างๆ ด้วยการจะเข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนำชาไปเป็นวัตถุดิบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตที่มีรสชา ไอศกรีม เบเกอรี่รสชา เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังพัฒนาอัตลักษณ์ (Identity) หรือคุณลักษณะเฉพาะตัว ของชาไทยออกมานำเสนอ โดยนำชาป่าหรือชาอัสสัม ที่เจริญเติบโตตามธรรมชาติ ซึ่งในประเทศอินเดียนิยมปลูกและชาวจีนตอนใต้นิยมบริโภค มาพัฒนาต่อยอดโดยนำองค์ความรู้เกี่ยวกับชาที่ผ่านมาผสมผสานกับเทคโนโลยีที่วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน
ขณะที่จากนี้ไปการดื่มชาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะชาจะถูกพัฒนาให้เป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริงค์ เช่น ชาบางตัวมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสดชื่นเหมาะการดื่มช่วงเช้า หรือชาบางตัวอาจเข้ามาช่วยในการย่อยอาหารได้ดีขึ้นเหมาะดื่มช่วงกลางวัน หรือชาบางตัวจะมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายเหมาะดื่มช่วงกลางคืน เป็นต้น
“แนวคิด Total Tea Solutions สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจร เพียงแค่ลูกค้าให้คอนเซปต์ ราคา ที่ต้องการ สิงห์ปาร์คจะเป็นตัวกลางในการจับคู่ (Matching) ขณะนี้เริ่มนำเสนอคอนเซปต์นี้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นแฟรนไชส์ร้านกาแฟรายใหญ่ ต่อไปอาจทำเป็นแฟลกชิพ สโตร์ ในกรุงเทพฯ เพื่อเปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าทดลอง สัมผัสรสชาติจริง หลังจากที่ได้คุยคอนเซ็ปต์ สู่การเป็น Business Solutions Provider ให้กับลูกค้าเต็มรูปแบบ”
ในส่วนของการท่องเที่ยวในสิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงรายนั้นจะเปิดโรงงานผลิตชาให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมเพื่อดื่มด่ำกับประสบการณ์ชิมชา ที่ผสมรสชาติด้วยตนเอง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่จะสามารถส่งประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมกลับไปยังลูกค้าคนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พงษ์รัตน์ ประเมินว่า ต่อจากนี้ไปสัดส่วนรายได้ของสิงห์ปาร์คจะเปลี่ยนไป จากเดิมสัดส่วนรายได้มาจากการท่องเที่ยว 65% ที่เหลือ 35% มาจากผลิตเกษตรแปรรูปและชา แต่อีก3 ปีข้างหน้าผลิตเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะชาจะมีสัดส่วนถึง70% ส่วนที่เหลือ30% จะเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้ลดลงแต่ธุรกิจชาจะขยายตัวใหญ่ขึ้น ยกเว้นว่าการท่องเที่ยวฟื้น นักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้งสิงห์ปาร์คอาจปรับสัดส่วนการลงทุนด้านท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากนั้นค่อยขยับไปลงทุนยังอุตสาหกรรมอื่นๆในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้สิงห์ปาร์คยังคงจัดงานท่องเที่ยวเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ชุมชนขาดรายได้ประกอบกับว่า ใกล้ถึงไฮซีซันเทศกาลท่องเที่ยวปีนี้ จึงอาสาจัดงานธีมไทยเที่ยวไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในประเทศตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.2563 ไปจนถึงวันที่ 14 ก.พ. 2564 เริ่มจาก งานแรก Farm Festival จัดขึ้นในวันที่ 25-29 พ.ย.2563 งานเคาน์ดาวน์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 ธ.ค.2563 หลังจากนั้นจะเป็นงานที่ทำร่วมกับอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ในรูแบบของ VILLAGE OF ILLUMINATION ซึ่งเป็นงานไลท์ เฟสติวัล เหมือนประเทศญี่ปุ่น ที่จะจัดยาวไปจนถึงวันที่ 1 ม.ค.-14 ก.พ.2564
ทั้งนี้ “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น”และบริษัทในเครือบุญรอด ยังคงตอกย้ำเจตนารมย์ ในการพัฒนาสินค้า และโครงการคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความคิดริเริ่มใหม่ๆ ให้ทันยุคสมัยของโลกที่เปลี่ยนไป เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม