เจาะช่องโหว่ 'ค้าปลีก & ค้าส่ง' สไตล์โต KK

เจาะช่องโหว่ 'ค้าปลีก & ค้าส่ง' สไตล์โต KK

เมื่อธุรกิจ 'ค้าปลีก-ส่ง' ดั้งเดิมถูกรุกคืบด้วยร้านโมเดิร์นเทรด 'กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล' หุ้นใหญ่ 'เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น' โชว์พันธกิจเน้นขยายสาขาปีละ 3-4 แห่ง ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ประสบการณ์ 30 ปี รู้จุดเด่นฐานลูกค้า 3 จังหวัดใต้ !

บมจ. เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น หรือ KK ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผ่านร้านสาขาชื่อ 'เค. แอนด์ เค.ซุปเปอร์สโตร์' เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก (7 ต.ค.2563) ราคาหุ้นทะยาน 172.73% จากไอพีโอ 0.88 บาทต่อหุ้น !  

ทว่ายิ่งพิจารณาสตอรี่ที่อาจช่วยผลักดันฐานะการเงินและราคาหุ้น ทำให้พอเห็นภาพว่า เหตุใดที่ผ่านมา 'หุ้น KK' จึงกลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำประสบการณ์ทำธุรกิจนานกว่า 30 ปี สร้างการเติบโตครั้งใหม่ จากความเข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตและความต้องการสินค้าของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีใน 3 จังหวัดภาคใต้ (สงขลา พัทลุง และสตูล) ของประเทศไทย 

จากจุดเล็กๆ ขายสินค้าเร่ในตลาดนัดของ 'พ่อเว้ง แซ่โกว่-แม่เฮียง แซ่ซึ้ง' จนกลายเป็น บมจ. เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น หรือ KK (เดิม บริษัท เค. แอนด์ เค. ซุปเปอร์ค้าส่ง จำกัด) มีพัฒนาการมาจากธุรกิจครอบครัวของสี่พี่น้องตระกูล 'สิริธนนนท์สกุล' ภายใต้ชื่อ บริษัท หาดใหญ่โก่วย่งฮั้ว จำกัด ที่ตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภครายใหญ่ของประเทศไทย 

'กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล' กรรมการผู้จัดการ บมจ. เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น หรือ KK เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek'  ฟังว่า การขยับตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครานี้... ! แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง 'ตระกูลสิริธนนนท์สกุล' ต้องการ 'แก้โจทย์ 3 ข้อใหญ่' ประกอบด้วย 

ข้อแรก ต้องการแก้โจทย์ความเชื่อที่ว่าธุรกิจครอบครัว อยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วอายุ ทางเดียวที่จะทำให้ธุรกิจยั่งยืนต้องเปลี่ยนธุรกิจครอบครัวให้เป็นสากล ข้อสอง ต้องการแก้โจทย์การแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นให้ลงตัวเพื่อไม่เกินปัญหาภายหลัง ซึ่งแนวทางก็ต้องนำบริษัทเป็นมืออาชีพและแบ่งสัดส่วนถือหุ้นเท่ากัน และข้อสาม ต้องการสร้างการเติบโตโดยที่ผ่านมาธุรกิจเติบโตอาศัยตลาดเงินซึ่งจะโตยาก ดังนั้น ต้องอาศัยตลาดทุนเข้ามา

สอดคล้องกับตัวเลขผลการดำเนินงานของบริษัท 3 ปีย้อนหลัง (2560-2562) มี 'กำไรสุทธิ' อยู่ที่ 17.90 ล้านบาท 16.26 ล้านบาท และ 11.53 ล้านบาท ขณะที่ 'รายได้' อยู่ที่  951.82 ล้านบาท 962.33 ล้านบาท และ 935.98 ล้านบาท ตามลำดับ 

ยอมรับว่า เมื่อแก้ข้อจำกัดด้วยนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นแล้ว การเติบโตของธุรกิจถือเป็น 'เรือธง' ต่อไป สะท้อนผ่านบริษัทต้องมีเงินลงทุนเพื่อไปขยายธุรกิจ โดยเงินระดมทุนเสนอขาย IPO จะนำไปใช้ขยายสาขาแห่งใหม่ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

160233999173

ร้านค้าปลีก K&K 

เขา แจกแจงแผนธุรกิจ 3 ปี (2564-2566) ว่า บริษัทจะใช้เงิน IPO ขยายสาขาแห่งใหม่เฉลี่ยปีละ 3-4 สาขา โดยในปี 2564 จะขยายสาขาใหม่จำนวน 3 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 2 แห่ง และพื้นที่จังหวัดตรังอีก 1 แห่ง ดังนั้น คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นเป็น 90% จากปัจจุบัน 84% เพื่อที่จะสามารถขายสินค้าและมีอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับ 3-5% ในอนาคตจากปัจจุบัน 1.4% 

'เป้าหมายรายได้ปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท จากการขยายสาขาแห่งใหม่จำนวน 3 แห่ง โดยมุ่งเน้นการเช่าที่ดินเพื่อเปิดร้านสาขาเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 12-15  ล้านบาทต่อสาขา'

ทั้งนี้ แม้ธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของ 'ห้างค้าปลีกสมัยใหม่' (โมเดิร์นเทรด) แต่ด้วยความที่อยู่ในพื้นที่มานานเข้าใจลูกค้า จึงมองหาทางออก และโอกาสธุรกิจของ 'เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง' โดยอยู่ภายใต้คอนเซปท์ร้านค้าปลีก ในราคาขายส่ง ด้วยสโลแกน 'ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ใกล้บ้านคุณ' เพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคไปยังอีกกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ซื้อสินค้าเพื่อไปจำหน่ายต่อ

โดยเจาะกลุ่มลูกค้าซื้อไม่มาก หรือซื้อสินค้าไปขายต่อในปริมาณที่ไม่มาก ไม่ต้องซื้อยกแพ็ค แม้โมเดลธุรกิจดังกล่าวจะได้กำไรไม่มาก แต่เป็นช่องว่างของตลาดที่ทำให้ยังมีที่ยืนในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งต่อไปได้ 

ดังนั้น เมื่อต้องการเติบโตต้องเปิดสาขาเพิ่มขึ้น เพื่อตอบโจทย์เรื่องการเดินทางของลูกค้า เนื่องจากเห็นพฤติกรรมของลูกค้า ที่นิยมซื้อของใกล้บ้าน ด้วยปัญหาการจราจร จึงขยายสาขาเข้าถึงชุมชนต่างๆ จากจังหวัดสงขลา ขยายไปพัทลุง และสตูล ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวน 28 สาขาแล้ว รวมถึงบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัท ในรัศมีพื้นที่ 150 กิโลเมตร

คาดว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะสามารถรองรับได้จำนวน 40 สาขา หากบริษัทมีสาขามากกว่า 40 สาขา และมีสาขาที่ไกลกว่ารัศมี 150 กิโลเมตร บริษัทจะต้องลงทุนสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่ศึกษาไว้น่าจะเป็นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  

160234009861

กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล

สำหรับภาพรวมแนวโน้มธุรกิจยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต ตามศักยภาพทางเศรษฐกิจที่หาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้มีช่องที่จะขยายตัวอีกมาก ขณะที่ธุรกิจเข้าใจง่ายและอยู่ในชีวิตประจำวัน ระบบการจัดการภายในมีคุณภาพ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ ตลอดจนความเข้าใจวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรักษาระดับรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

'ในอนาคตของธุรกิจที่จะขยายตัวได้อีกมาก ตามกำลังซื้อของคนในพื้นที่หาดใหญ่ สตูล พัทลุงและจังหวัดใกล้เคียง ขณะเดียวกันเมื่อบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ยิ่งทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวต่อไปได้มากขึ้นตามไปด้วย'

ท้ายสุด 'กวิศพงษ์' ทิ้งท้ายไว้ว่า ธุรกิจมีความได้เปรียบจากความชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ แต่อย่างไรก็ตามการขยายตัวออกนอกพื้นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพราะมีความเสี่ยงในระยะยาวอีกด้วย ดังนั้นพื้นที่จะเข้าไปเราต้องมั่นใจ 

++++++++++++++++++++

โบรกฯ มองชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ ! 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ บอกว่า มีมุมมองต่อ บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น หรือ KK โดยบริษัทมีแผนการขยายร้านสาขาอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นเปิดร้านสาขาในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง สตูล และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นร้านสะดวกซื้อชั้นนำในภาคใต้และเป็นร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคอันดับแรกๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึง ภายใต้แนวคิด 'ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ' ในแต่ละปีบริษัทมีแผนที่จะขยายร้านสาขาจำนวน 3-4 สาขา โดยมุ่งเน้นการเช่าที่ดินเพื่อเปิดร้านสาขาเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 10-12 ล้านบาทต่อสาขา

อย่างไรก็ตาม ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ KK อยู่ที่ 1.20-1.40 บาท อิง PER ที่  18-20 เท่าเทียบกับหุ้นที่มีธุรกิจและขนาดใกล้เคียงกันอย่าง TNP โดยมองว่าธุรกิจมีความได้เปรียบจากความชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ แต่อย่างไรก็ตามการขยายตัวออกนอกพื้นที่จะขยายตัวได้ลำบากและมีความเสี่ยงในระยะยาวจากการเข้ามาของเทคโนโลยีและธุรกิจ Delivery รวมถึงด้วยขนาดของกิจการที่ค่อนข้างเล็กทำให้อาจมีปัญหาด้านสภาพคล่องในการซื้อขายได้โดยบริษัทประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค

โดยธุรกิจค้าปลีกเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านร้านสาขาชื่อ 'เค. แอนด์ เค.ซุปเปอร์สโตร์' จำนวน 28 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล รวมถึงบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัท