'3เซียน' ตีกราฟ SET Index หลุด1,000 จุด 'ยาก' !
วิกฤติโควิด-19 ไม่ทันจืดจาง ความ 'ร้อนแรง' การเมืองไทยเข้ามาแทรก...! วิบากกรรมตลาดหุ้นปี 2563 '3 รายใหญ่' ตีกราฟ SET Index โอกาสหลุด ‘จุดต่ำสุด’ เดิม 969.08 จุด เป็นเรื่องยาก !
พลันที !! เหตุการณ์การเมืองไทยร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง... ปฏิกิริยาแรกที่สะท้อนทันทีคือ 'ตลาดหุ้นไทย' บ่งชี้ผ่านดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 64.68 จุด หรือราว 5% จากวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีปิดที่ 1,273.43 จุด หลังมีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร นับตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการชุมนุมใหญ่ครั้งแรก และสถานการณ์การชุมนุมมีจำนวนผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ 'มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด' (Market Capitalization) ของตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลง 4.3 แสนล้านบาท ช่วง 14-16 ต.ค.63 เหลือ 13.42 ล้านล้านบาท !
กราฟดัชนี SET Index ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน
'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ให้เหล่า 'นักลงทุนรายใหญ่' วิเคราะห์ทิศทางผลกระทบการชุมนุมต่อตลาดหุ้นไทยให้ฟัง
ฟากฝั่ง 'นักลงทุนรายใหญ่' อย่าง 'ซัน-กระทรวง จารุศิระ' นักลงทุน และผู้ริเริ่มโครงการซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thai land) บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า มองสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน ส่งผลเชิงจิตวิทยาการลงทุน ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่สดใสและเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ แต่เหตุการณ์การเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ สะท้อนผ่านผู้ประกอบการก็ยังผลิตและส่งออกได้ ไม่เหมือนการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลทุกรุนแรงเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันดัชนี SET INDEX จะปรับตัวลงแรง ! แต่มองว่าจะไม่หลุด 'จุดต่ำสุด' (New Low) เดิมอยู่ที่ 969.08 จุด (13 มี.ค.2563) ซึ่งตอนนี้มีหุ้นหลายตัวที่ราคาปรับตัว 'ลดลง' มาลึกมากกว่าพื้นฐานที่แท้จริง ดังนั้น ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเก็บหุ้นสะสมเพิ่มในพอร์ต ยิ่งเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ไม่ได้มีผลกระทบจากโควิด-19 และการประท้วงทางการเมืองในไทย
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ 'น่าสนใจ' จะเป็นหุ้นใน 'กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน' เช่น รถไฟฟ้า , ทางด่วน , โรงไฟฟ้า เป็นต้น โดยมองว่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน 'กลุ่มค้าปลีก' เนื่องจากคนต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และ 'กลุ่มยาง' เนื่องจากความต้องการสูง (ดีมานด์) ราคายางกำลังปรับตัวสูงขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าตลาดหุ้นจะไม่เลวร้ายตลอดไป เมื่อถึงจุดหนึ่งจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วย และเมื่อมั่นสถานการณ์ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นมา สอดคล้องกับ SET index ที่ทำจุดต่ำสุด 969.08 จุด เมื่อ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
'เหตุการณ์การเมืองเชื่อว่าจะไม่ไปถึงขั้นรุนแรง ดังนั้น จะส่งผลเชิงจิตวิทยาการลงทุนทำให้บรรยากาศในตลาดหุ้นไม่สดใส'
กระทรวง จารุศิระ
'โจ-อนุรักษ์ บุญแสวง' อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ มีมุมมองสอดคล้องกันว่า ปัจจัยความวุ่นวายทางเมืองไทย น่าจะส่งผลต่อจิตวิทยานักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ แต่อาจจะไม่ส่งผลกระทบถึงระดับทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงไปลึกถึงระดับ 969.08 จุด (จุดต่ำสุดของปีนี้) เพราะจากสถิติที่ผ่านมาไทยผ่านการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยจะมีลักษณะ 'ซึม' ต่อเนื่องไป เพราะบรรยากาศการลงทุนอึมครึมไปด้วยความไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ชอบ และหากมีการเปลี่ยนแปลงอาจจะกระทบเศรษฐกิจบ้างในแง่การลงทุนของภาครัฐอาจจะชะลอตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจหดตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
'ยากที่จะเห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยลงไปลึกเหมือนตอนใช้มาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่บรรยากาศการลงทุนจะไม่สดใสดัชนีจะมีลักษณะซึมยาวๆ จากความไม่ชัดเจน'
ในมุมมองของนักลงทุนวีไอ ถือเป็นเป็นจังหวะและโอกาสในการทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานแกร่งในราคาไม่แพง เนื่องจากวีไอจะมี 'จุดเด่น' ตรงลักษณะการลงทุนใช้กลยุทธ์ลงทุนที่ดูจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่ดี , มูลค่าของบริษัท , อัตราการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง เราจะพยายามเลือกหุ้นที่พื้นฐานยังดีไม่เปลี่ยนแปลง แต่ราคาหุ้นลดลงมาต่ำกว่า 50%
'ในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นมีปัจจัยลบกระทบทำให้บรรยากาศลงทุนไม่สดใส เราจะเห็นหุ้นกลุ่มที่ดีและหุ้นกลุ่มไม่ดีร่วงพร้อมกันหมด แต่ว่าเวลาตลาดกลับมาหุ้นกลุ่มที่ดีราคาจะกลับมาเร็ว ส่วนหุ้นกลุ่มไม่ดีราคาจะไม่กลับมา ฉะนั้น หากเราเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มดี แม้ราคาจะร่วงแต่ก็จะกลับมาฟื้นตัวเร็ว'
อนุรักษ์ บุญแสวง
'เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง' นักลงทุนด้านเทคนิค เจ้าของพอร์ตลงทุน 'หลักพันล้านบาท' บอกว่า ประเมินสถานการณ์การชุมนุมไม่ได้เลย 'พี่งงไปหมดแล้ว ประเมินไม่ถูกทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมาเลยยังไม่ได้ขายหุ้นในพอร์ต'
ปัจจุบันพอร์ตลงทุนยังเหลือหุ้นในสัดส่วน 30% และ 70% ถือเงินสด ซึ่งหุ้นที่ติดอยู่ในพอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ธุรกิจมีการเติบโตในอนาคตและไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งเข้าไปทยอยซื้อตอนที่ราคาลงมาลึกๆ
'ปกติที่ผ่านมาหากมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ ผมจะต้องล้างพอร์ตเป็นศูนย์แล้ว แต่ครั้งนี้ฝืดตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ ซึ่งผมเปรียบเหมือนตัวเองว่ายน้ำอยู่กลางคลองไม่รู้จะว่ายเข้าฝั่ง หรือ ลอยรออยู่กลางคลองต่อไปดี'
วัชระ แก้วสว่าง
โบรกฯ ส่องหุ้นไทย
ไม่หลุด 1,000 จุด !
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ประเมินว่า หากยังมีการชุมนุมต่อไป แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 จุด แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยมีการยกระดับการชุมนุมจะกดดันหุ้นไทยหลุด 1,200 จุดทันที โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,140 จุด
อย่างไรก็ตาม หากมีการประกาศยุติการชุมนุม หรือ รัฐสภาเร่งแก้รัฐธรรมนูญตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง ถือเป็นปัจจัยบวกหนุนที่จะดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ 'รีบาวด์' ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,240 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อและมีความรุนแรง มีโอกาสที่ดัชนีจะไหลหลุด 1,200 จุด และ อาจลงไปลึกถึง 1,155 จุด
'ถ้าภาพการเมืองยังคงร้อนแรง และ ไม่มีภาพที่ชัดจน จึงต้องเลือกลงทุนหุ้นที่อิงกับรายได้ต่างประเทศ หรือ มองหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งทั้ง 2 อย่าง คือ เป็นการลงทุนในระยะยาว โดยหากดัชนีไหลหลุด 1,200 จุด เป็นจังหวะที่ทยอยเก็บหุ้นได้'
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการทยอยเข้าซื้อหุ้น ซึ่งในช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนที่รับ 'ความเสี่ยงต่ำ' หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นไปก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มรถไฟฟ้า, ห้างสรรพสินค้า และท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมดังกล่าวมากที่สุด
แต่สำหรับนักลงทุนที่รับ 'ความเสี่ยงสูง' แนะนำ 'เก็งกำไรระยะสั้น' ในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า และส่งออก เนื่องจากคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมดังกล่าวน้อยที่สุด เลือก BGRIM, DELTA และ KCE เป็นต้น