พาณิชย์รับปมเปิดตลาด"หมู"ทำสหรัฐ ยกเลิกสิทธิGSPสินค้าไทย 231 รายการสิ้นปีนี้
พาณิชย์ แถลงด่วนแจงสหรัฐตัดสิทธิGSP สินค้าไทย 231 รายการสิ้นปีนี้ รับปมไทยไม่เปิดตลาดหมูทำทรัมป์มองไทยเป็นคู่ค้าไม่เป็นธรรม
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าได้รับการแจ้งจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ถึงประกาศประธานาธิบดีสหรัฐ (Presidential Proclamation) เกี่ยวกับผลการพิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกาการหรือ GSP ของสหรัฐ ซึ่งครั้งนี้เป็นการทบทวนรายประเทศ (Country Practice) โดยเป็นเรื่องของการเปิดตลาดสินค้าและบริการประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากสหรัฐ เห็นว่าการเปิดตลาดสินค้าของไทยนั้น ไม่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมและสมเหตุสมผล
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ชี้แจงอย่างต่อเนื่องถึงผลกระทบด้านสุขภาพและสุขอนามัยของประชาชน โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 30 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป
การตัดสิทธิฯ ดังกล่าวมีจำนวน 231 รายการ เป็นสินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ จริงในปี 2562 จำนวน 147 รายการ มูลค่าการนำเข้าประมาณ 604 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติมูลค่าประมาณ 19 ล้านดอลลาร์
มีสินค้าที่ได้รับผลกระทบ อาทิ อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ พวงมาลัยรถยนต์ ล้อรถยนต์ กระปุกเกียร์ กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ เกลือฟลูออรีน ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก หลอดและท่อทำด้วยยางวัลแคไนซ์ อะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง เป็นต้น
สำหรับ การให้สิทธิ GSP นั้นเป็นการให้ฝ่ายเดียวโดยสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาไทยและสหรัฐ ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้มาโดยตลอดผ่านเวที TIFA (Trade and Investment Framework Agreement) โดยหลังจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเร่งดำเนินการในการประสานกับฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่ง สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative: USTR) ยินดีหากไทยจะหาทางออกร่วมกันในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสิทธิ GSP จะช่วยทำให้ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐฯ สามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ
พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมพร้อมมาตรการรองรับผลกระทบจากการระงับสิทธิฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว โดยในเบื้องต้นวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย อาทิ Online Business Matching สำหรับสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทาง Cross border e-commerce เข้าสู่ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่โดยตรง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้หารือ และทำความเข้าใจกับภาคเอกชนตลอดมา เพื่อเตรียมการรองรับและเน้นในเรื่องกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมาตรฐานสินค้ามากกว่าการแข่งขันด้านราคา
ผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงแจ้งเรื่องผลกระทบที่ได้รับได้ผ่านทางไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี “GSP_helper” หรือสายด่วน 1385 รวมถึงเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศwww.dft.go.th
ปัจจุบัน ไทยมีการค้าที่ใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี(FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป(GSP) ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค. 2563 พบว่า มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวมเท่ากับ 35,421.85 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 77.94% แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้FTA อยู่ที่ 32,875.25 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าการใช้สิทธิGSP อยู่ที่ 2,546.60 ล้านดอลลาร์ โดยภาพรวมการใช้สิทธิประโยชน์ฯ 7 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 14.77 %
ขณะที่การใช้สิทธิ GSP ทั้ง 4 ระบบสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ในช่วง ม.ค.-ก.ค. 2563 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,546.60 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.61% คิดเป็นสัดส่วน 81.32%
โดยตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าอยู่ที่ 2,243.21 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 0.49% คิดเป็นสัดส่วน 83.24% อันดับสองคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าอยู่ที่ 200.24 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 29.17% คิดเป็นสัดส่วน 62.66% อันดับสามคือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่า อยู่ที่ 84.64 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4.92% คิดเป็นสัดส่วน 84.60% และนอร์เวย์ มีมูลค่าอยู่ที่ 18.51 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 34.72% คิดเป็นสัดส่วน 100%