ลุ้นผลการเลือกตั้งสหรัฐ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นกว่า 7.21 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ คาดเป็นแรงรีบาวด์หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องหลายวันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง คาดนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังจับตาผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,202.16 จุด +7.21 จุด +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 4.1 หมื่นลบ. ต่างชาติ -766.35 บาท TFEX +2,830 สัญญา ตราสารหนี้ +2,225 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ดัชนีดาวโจนส์ปิด +423.45 จุด +1.60% นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มต่างๆ ก่อนรู้ผลการเลือกตั้งปธน.สหรัฐ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างพุ่งขึ้นกว่า 2.7% ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 2.27% แต่มีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ +2.9% ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคและชาติพันธมิตรจะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเนื่องจากกังวลมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป
+ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนต.ค.
+ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนขยายตัวสูงสุด 27 เดือนในต.ค.
+ แรงงาน-มหาดไทยเตรียมเสนอครม.สัญจรอนุมัติงบ 1,500 ล้านบาท จ้างงาน 1.8 หมื่นอัตราในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ส่วนคลังเสนอให้อนุมัติซอฟต์โลนช่วยธุรกิจการบินในประเทศ
ปัจจัยลบ
-ไบเดนมีคะแนนนิยมนำหน้าทรัมป์เล็กน้อยใน 6 รัฐชี้ชะตา Swing State
-สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ย.
-ธปท. เผยดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจต.ค. ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
-การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 Second wave
-เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ 'แข็งค่า' ผลเลือกตั้งระยะสั้นมีความเป็นไปได้ที่จะกดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า
-ความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ
+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 0.59 จุด +0.018%
+ดัชนีนิกเอิปิดเพิ่มขึ้น 318.35 จุด +1.39%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยนักลงทุนยังคงจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ และติดตามการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ในวันที่ 4-5 พ.ย. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เริ่ม Rebound ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,180-1,205 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q20 เติบโตต่อเนื่อง WICE XO TACC SPVI
• หุ้นกลุ่ม Laggard โรงไฟฟ้า GPSC EGCO กลุ่มสื่อสาร ADVANC
หุ้นรายงานพิเศษ
STANLY Bloomberg Consensus 170 บาท
•ผลประกอบการ 3Q63 ที่ 254 ลบ. -56%YoY แต่ +238%QoQ เนื่องจากไตรมาสก่อนโรงงานผลิตรถยนต์หยุดการผลิตเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ขณะที่ 3Q63 โรงงานผลิตรถยนต์เริ่มกลับมาทำการผลิตปกติ อย่างไรก็ตาม GPM ปรับตัวดีขึ้นสู่ 11.8% จากไตรมาสก่อนเนื่องจากเริ่มกลับมามี Economy of scale
•การผลิตรถยนต์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย 3Q63 อยู่ที่ 3.77 แสนคัน +65%QoQ โดยจากการสอบถามบริษัทโรงงานเริ่มกลับมาผลิต 2 กะและเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มจากยอดการผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทคาดว่าจำนวนการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 80% ของปี 62 จนกว่าจะมีวัคซีน
•ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 และคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึง 4Q63 ตามการผลิตรถยนต์ที่กลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ตามจะมีการเปิดโรงงาน Lamp 8 ซึ่งจะรับรู้ค่าเสื่อมราคาเข้ามาทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เราแนะนำ ซื้อรับปันผล เนื่องจากบริษัทมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอราว 2-4%
หุ้นมีข่าว
(+) WGE (IPO) Consensus 3.30-3.93 บาท
•ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างประเภทต่างๆ อาทิเช่น คอนโดมิเนียมแนวราบและแนวสูง โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน ซึ่งครอบคลุมถึงงานวิศวกรรมโยธา งานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารและงานภูมิสถาปัตย์ รวมไปถึงงานก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภคตามแบบที่ลูกค้ากาหนด ซึ่งลูกค้าของบริษัทมีทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน บริษัทมีรายได้ปี 60-62 เท่ากับ 988.14 ลบ. 1,290.11 ลบ. และ 1,506.94 ลบ. ตามลำดับ CAGR = 23.5% ต่อปี
•จำนวน IPO = 160 ล้านหุ้น ราคา IPO = 2.30 บาท คิดบนค่า Trailing PE 13.53 เท่า โดยมีวัตถุประสงค์คือของการเพิ่มทุน คือ 1) เงินทุนหมุนเวียน 2) ขยายคลังสินค้า และ 3) ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง
(+) JKN (Bloomberg Consensus 7.72 บาท) บอร์ดอนุมัติเข้าซื้อกิจการ JKN Global Living วงเงินลงทุน 49 ล้านบาท พร้อมตั้งบริษัทร่วมทุน JKN MNB ถือหุ้น 51% วงเงินลงทุน 27 ล้านบาท ลุยธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม เชื่อช่วยดันธุรกิจจำหน่ายเวลาโฆษณา และสร้างผลประกอบการที่ดี (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ITEL (Bloomberg Consensus 3.56 บาท) เปิดกรุรับทรัพย์รายได้ประจาเข้าเต็มปี 64 บอสใหญ่ "ณัฐนัย อนันตรัมพร" วางแผนดันรายได้แตะ 2.8 พันล้านบาท ส่วนปีนี้มั่นใจเข้าเป้า 2.4 พันล้านบาท อวดแบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 4.7 พันล้านบาท จ่อบุ๊กช่วงที่เหลือ 1.1 พันล้านบาท เตรียมจรดปากการับงานใหม่โค้งท้าย (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RATCH (Bloomberg Consensus 73.89 บาท) ส่งสัญญาณเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กนวนคร (ส่วนขยาย) ตั้งแต่ 31 ต.ค. 2563 หนุนพอร์ตกาลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้น ด้านโบรกส่องอนาคต RATCH ชี้การเติบโตมีความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งอัตราการเติบโตของกำไรยังน่าสนใจ เคาะเป้า 73 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตา
ในประเทศ
3 พ.ย. การประชุมครม.สัญจรที่ จ. ภูเก็ตสภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก
4 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ก.พาณิชย์ แถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการ
16 พ.ย. บจ.ส่งงบการเงินงวดสิ้นเดือนก.ย. วันสุดท้าย
18 พ.ย. ประชุมกนง.ครั้งที่ 7/2563
30 พ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ
ต่างประเทศ
3 พ.ย. สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
4 พ.ย. จีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.อียูเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
5 พ.ย. อียู ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินสหรัฐเปิดเผยจานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ คณะกรรมการกาหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย(เช้าวันที่ 6 พ.ย.)