ททท.เฟ้นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ปั้น‘เส้นทางสละโสด’ดึงคนเหงาเดินทาง
ความท้าทายของการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวช่วงโควิด-19 ยังระบาดคือการเพิ่มดีกรีความสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวให้แปลกใหม่และโดนใจเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น!
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเฟ้นไอเดียเก๋สวมบท “แม่สื่อ” เตรียมโปรเจค “เส้นทางสละโสด” ดึงคนโสดร่วมออกทริปเดินทางท่องเที่ยว รับอินไซต์คนโดนความเหงาเล่นงานหนักและอยากมีคู่
เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วเส้นทางท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์คนอยากมีคู่มีให้เลือกหลายกิจกรรม แต่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยคือเส้นทาง “ไหว้พระ” หรือ เทพเจ้า เพื่อขอคู่ พฤติกรรมเหล่านี้ช่วยจุดประกายไอเดียการขายแก่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของบางประเทศ เช่น ฮ่องกง และไต้หวัน พอจับได้ถูกจุด ก็มุ่งโปรโมทวัดและศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงการขอพรเรื่องความรัก หนุนบริษัทนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง (เอฟ.ไอ.ที.) บรรจุกิจกรรมนี้ลงไปในโปรแกรมเที่ยว
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เล่าว่า ได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวหรือเฟ้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวแบบ “เฉพาะกลุ่ม”มากขึ้นในปี 2564 หนึ่งในนั้นคือ “เส้นทางท่องเที่ยวสละโสด” ทั้งรูปแบบการเดินทางด้วยเครื่องบินและล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ไหว้พระขอพรและทำบุญ เบื้องต้น ททท.ได้หารือกับผู้ประกอบการเรือแล้ว น่าจะนำร่องเส้นทางนี้ได้ก่อนในช่วงต้นปีหน้า
“ถือเป็นการเปิดให้คนโสดเท่านั้นที่จะได้ไปเที่ยวเส้นทางสละโสด เพื่อหาทางสานสัมพันธ์และเพิ่มโอกาสการเจอเนื้อคู่ ต้อนรับเดือน ก.พ.ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรักในปีหน้า ให้นักท่องเที่ยวที่ร่วมทริปเดินทางได้มีโอกาสสมหวังในความรัก”
ขณะเดียวกัน ททท.ยังร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ส่งเสริมการท่องเที่ยวสายบุญหรือ “ศรัทธาทัวร์” ได้จัดทริปไหว้พระบนเครื่องบินทั่วประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “บินทั่วไทยได้มงคลทั่วทิศ” ซึ่งจะทำเป็นเฟสที่ 2 ต่อจากเฟสแรกที่การบินไทยทำไปแล้ว และครั้งนี้อาจเพิ่มเติมจากกิจกรรมบินวนบนฟ้าไม่ลงจอด เช่น การบินลงพาไปไหว้พระที่วัดป่า หรือวัดสำคัญๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการลงไปไหว้ขอพร
“การส่งเสริมท่องเที่ยวสายบุญครั้งนี้ จะสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องบินของการบินไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องบินขนาดใหญ่อย่างแอร์บัส A380 ที่นักท่องเที่ยวหลายรายอาจจะยังไม่มีโอกาสใช้บริการ เพราะเป็นเครื่องบินที่การบินไทยใช้ทำการบินสู่เส้นทางระยะไกล เช่น สู่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี รวมถึงการเปิดให้ขายหรือเช่าสินค้าเชิงความเชื่อและศรัทธาบนเครื่องบินด้วย”
ฐาปนีย์ เล่าเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจเส้นทางศรัทธาทัวร์แล้ว ททท.จะมุ่งส่งเสริมการทำตลาดกลุ่มความสนใจอื่นๆ ครอบคลุมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย กลุ่มชาวต่างชาติที่พำนักในไทย (Expat) และนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศที่มีแนวโน้มเปิดให้เดินทางเข้าไทยในปี 2564 ด้วย อาทิ กลุ่ม LGBTQ ที่มีความหลากหลายทางเพศ, กลุ่มที่มีความชื่นชอบทางด้านอาหาร, กลุ่มที่สนใจเดินทางไปสถานที่เพิ่มพลังเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ สร้างสมดุลในร่างกาย และล้างพิษในจิตใจ, กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานด้านดิจิทัล หรือ ดิจิทัล นอแมด
และเมื่อเจาะเฉพาะ “กลุ่มดิจิทัล นอแมด” ล่าสุด ททท.ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการส่งเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ โดยปัจจุบันมีชาวต่างชาติกลุ่มนี้พำนักอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก และมีอีกหลายรายที่ต้องการเดินทางเข้ามา เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองแห่งดิจิทัล นอแมด หรือเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการทำงานนอกออฟฟิศมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยจุดขายของบรรยากาศที่สงบแต่ก็มีความทันสมัยในตัว
“ททท.จึงมีแผนชูจุดขายนี้มาส่งเสริมให้เกิดการเดินทางมาทำงานและท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น เชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียง สอดรับกับเทรนด์การทำงานแนวใหม่ของโลกอย่าง Work From Anywhere และ Workation”
ทั้งนี้กลุ่มดิจิทัล นอแมดถือเป็นกลุ่มที่ ททท.พยายามส่งเสริมตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้ว แต่พอโควิดยังระบาดอยู่ทั่วโลก ททท.จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาช่องทางส่งเสริมร่วมกัน มีการคิดหาสินค้าท่องเที่ยวเข้าไปตอบสนองความต้องการของกลุ่มดิจิทัลนอแมดโดยเฉพาะ พร้อมขายเชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ ในไทยด้วย เช่น เส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อรับพลัง ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบรวม 60 เส้นทางที่ ททท.ได้จัดทำออกมาโปรโมทแล้วก่อนหน้านี้
ในอนาคตจำเป็นต้องหารือกันเพิ่มเติมเรื่องการปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบการออกวีซ่าให้รองรับกลุ่มดิจิทัล นอแมดต่อไป เมื่อมีการเปิดประเทศรับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ปกติ