บิ๊กโรงแรมปักหมุด 'เซฟตี้ทูเซฟตี้' ลุ้น 'ทราเวลบับเบิล' ไตรมาส 2 ปีหน้า
กลุ่มธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ในไทยต่างคาดหวังว่าปี 2564 จะเห็นความคืบหน้า “การเปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ
เริ่มจากการลดจำนวนวันกักตัว ตามด้วยการใช้นโยบาย Safety to Safety ซึ่งมีการติดตามดูแลนักท่องเที่ยวเพื่อควบคุมความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด หลังมีข่าวดีเรื่องการพัฒนาวัคซีนจากผู้ผลิต 3 ราย แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์โควิดระบาดซ้ำในหลายๆ ประเทศ
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยว่า “หากเป็นไปได้ อยากเห็นรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้แนวคิด Safety to Safety ในไตรมาส 1-2 ปีหน้า จากนั้นค่อยผ่อนปรนด้วยการทำทราเวลบับเบิลกับเมืองหรือประเทศที่มีความเสี่ยงโรคโควิดต่ำเพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัวในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีหน้า”
ทั้งนี้ประเมินว่ากว่าตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มทยอยกลับมาจริงๆ น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 3-4 ของปีหน้า ระหว่างรอนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา โรงแรมในเครือ AWC ต้องรุกทำตลาดไทยเที่ยวไทยไปก่อน รวมถึงกระตุ้นรายได้อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) และตลาดจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศ
“มองว่าภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 กุญแจหลักคือการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาฟื้นฟูรายได้ และเติมเต็มอัตราการใช้บริการซัพพลายด้านท่องเที่ยวของไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดอย่างหนักมานานเกือบ 1 ปี”
ชูเลง โก ผู้จัดการทั่วไป ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ AWC เล่าว่า ในช่วงเกือบ 1 ปีที่เจอวิกฤติ โรงแรมฯได้ใช้กลยุทธ์กระตุ้นให้คนไทยออกมาจับจ่ายนอกบ้านหลังรัฐคลายล็อคดาวน์ สร้างกระแสให้ลูกค้ามองเห็นว่าเป็นโอกาสที่สามารถจับจ่ายด้านกินดื่มและพักผ่อนนอกบ้านได้อย่างมีความสุขในราคาคุ้มค่า โดยให้พนักงานโรงแรมฯทุกคนมีส่วนร่วมในการขาย เพราะเชื่อว่าทุกคนสามารถขายของได้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะพนักงานขาย 20 คนของโรงแรมฯ
“จะเห็นว่าตอนนี้โรงแรม ดิ แอทธินีฯ มีการจัดงานเลี้ยงจำนวนมาก เหมือนโรงแรมนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นดอกผลจากการที่ทุกคนทำงานร่วมกันเป็นทีมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะทีมขายและทีมเวดดิ้ง เคล็ดลับคือเราต้องทำให้พนักงานขายมีความสุขและมั่นใจมากที่สุด เมื่อสร้างทีมสปิริตที่ดีแก่ทีม ผลลัพธ์การขายที่ดีก็จะตามมา”
แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทยรายหนึ่ง กล่าวว่า นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดทั่วโลกนานเกือบ 1 ปี กระทั่งมีข่าวดีเรื่องการพัฒนาและทดลองวัคซีน มองว่าในระยะสั้นส่งผลดีเชิงจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนกล้ากลับมาลงทุน คนกล้ากลับมาใช้จ่าย หนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น หลังเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยมานาน
“ข่าวดีเรื่องวัคซีนทำให้เกิดกลไกการขับเคลื่อนพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลก และไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและสิ่งจำเป็นเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงท่องเที่ยวด้วย โดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องน่าจะมีความกล้าในการตัดสินใจเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น”
โดยคาดการณ์ว่าช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2564 น่าจะเห็นประเทศไทยทำทราเวลบับเบิล พร้อมมองว่านักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป จะเริ่มกลับมาเที่ยวไทยปลายปี 2564 และเห็นกระแสการเดินทางชัดเจนขึ้นในปี 2565
ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายรายมองตรงกันว่า “ปี 2563 เป็นปีแห่งการเอาตัวรอด” เป็นปีแห่งความยากลำบากมากที่สุดนับตั้งแต่ทำธุรกิจโรงแรมกันมา ขณะที่ “ปี 2564 เป็นปีแห่งความท้าทาย” ลุ้นว่าธุรกิจจะกลับมาเหมือนปี 2562 เมื่อไร แน่นอนว่าระหว่างนี้ต้องหารายได้จากตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ แม้จะยังเพิ่มได้ไม่มากก็ตาม ด้วยการใช้กำลังคนและเทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ควบคู่กับการกอดเงินสดเพื่อสำรองเงินไว้หมุนสภาพคล่องในปีหน้า ตั้งท่ารอปัจจัยบวกหนุนกระแสการเดินทาง
“ตอนนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างกำลังวิ่งมาราธอนฝ่าวิกฤติโควิด ต้องมีการเตรียมแผนการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด และพร้อมจะเร่งความเร็ว (Speed up) ทันทีที่มีการประกาศข่าวดีว่าวัคซีนใช้ได้ผลดี”
นอกจากปัจจัยเรื่องวัคซีนแล้ว มองว่าการพัฒนายารักษาโรคโควิด-19 ก็สำคัญเช่นกัน เพราะจากผลป้องกันของวัคซีนที่บริษัทผู้ผลิตบางรายประกาศว่าสามารถป้องกันได้ 95% นั้น ยังมีช่องโหว่อยู่ 5% ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมา ก็ยังมั่นใจในตัวยารักษาโควิดว่าจะช่วยรักษาให้หายได้เร็วขึ้น ไม่ถูกจำกัดการเดินทางหรือไม่ถูกกักตัว