RT ลุ้นเก็บเกี่ยวงานใหม่ ดันแบ็กล็อก 'หมื่นล้าน' ครั้งแรก !
ฤดูการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐเปิดประมูลเรื่อยๆ ถือเป็น 'โอกาสทอง' ในการเก็บเกี่ยวงานใหม่ ! 'ชวลิต ถนอมถิ่น' นายใหญ่ 'ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง' เตรียมสร้างเซอร์ไพรส์ปี 2564 ผลักดันแบ็กล็อกทุบสถิติใหม่แตะ 'หมื่นล้าน' สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
'ธุรกิจรับเหมา-ก่อสร้าง' เป็นหนึ่งในกลไกลสำคัญสนับสนุน 'การลงทุน' ของภาครัฐ ! บ่งชี้ผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบขนส่งทางราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งกำลังส่งผลบวกต่อ บมจ. ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธี Pipe Jacking
ณ ปัจจุบันบริษัทมีการให้บริการเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างแยกตามประเภทการให้บริการ 5 ประเภทคือ 1.งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน (Tunnel & Shaft Construction) 2.งานก่อสร้างเขื่อน (Dam Construction) 3.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plant) 4.งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ (Pipe Jacking & Horrizontal Directional Drilling และ Open Cut)
5.งานก่อสร้างด้านอื่นๆ (Others) เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด (Slope Stabilization) งานขุดดินและหิน (Earth and Rock Excavation) ทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา (Geological Exploratory Drilling) งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน (Grouting Work) งานเหมืองแร่ (Mining Work) งานถนน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ (Rail Work) เป็นต้น
'ชวลิต ถนอมถิ่น' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง หรือ RT บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า การลงทุนของภาครัฐกำลังเป็น 'โอกาส' ในการเข้าไป 'เก็บเกี่ยว' งานใหม่ๆ เข้ามาเติม 'มูลค่างานในมือ' (แบ็กล็อก) สอดคล้องกับแผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) ที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ '4 โครงการ' มูลค่า 'หลายหมื่นล้านบาท !'
ประกอบด้วย 1. โครงการรถไฟทางคู่สาย เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นโครงการระยะยาว 5 ปี คาดว่าจะเปิดประมูลปี 2564 มูลค่าโครงการทั้งหมดราว 72,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานอุโมงค์ทางรอดมูลค่า 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทหวังได้งานอุโมงค์เพียง 1 สัญญา 2.โครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คิดเป็นงานอุโมงค์ มูลค่าราว 8,000 ล้านบาท
3.โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ติน มูลค่าราว 'แสนล้านบาท' ระยะเวลาโครงการ 10 ปี โครงการดำเนินแล้ว 2 ปี เหลืออีก 8 ปี ซึ่งถือเป็นงานหลักของบริษัทในการร่วมประมูลในแต่ละเฟสลงทุนเลย เพราะว่าที่ผ่านมาบริษัททำงานนำสายไฟฟ้าลงใต้ติดโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งโครงการนำสายไฟลงดินจะเป็นโครงการที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ บริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท
4.การบริหารจัดการน้ำ เป็นแผนศึกษาการนำน้ำไปเติมในเขื่อนภูมิพล เพราะว่าที่ผ่านมาเขื่อนภูมิพลน้ำไม่เคยเต็มความจุของเขื่อนจะขาดอยู่ 4,000 ลูกบากศ์เมตร ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ศึกษาในอนาคตอีก 2 ปี คาดว่าร่างขอบเขตของงาน (TOR) จะออกมาให้ประมูล เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องน้ำในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หากพื้นที่น้ำไม่พอใช้ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทกำลังติดตามอยู่
ชวลิต ถนอมถิ่น
'โครงการใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะมีออกมาประมูลอย่างต่อเนื่องในอนาคต เป็นงานที่บริษัทก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญงานด้านงานก่อสร้างอุโมงค์ ที่ปัจจุบันในประเทศมีผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ไม่มากนัก จึงเชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่น้อยและมีโอกาสที่จะได้รับงานจำนวนมากขึ้น อาทิ ระบบขนส่งที่ยังคงมีการขยายเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถไฟทางคู่ที่มีแผนการขยายไปทั่วประเทศ'
สอดคล้องกับเม็ดเงินจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ ! จะนำไปเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานใหญ่ขึ้น รวมทั้งการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ พร้อมลงทุนเพิ่มเครื่องมือ-เครื่องจักร ระบบคอมพิวเตอร์ และการก่อสร้างโรงซ่อมและอาคารเก็บวัสดุแห่งใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจต่อไปในอนาคต
'เราเชื่อว่าเม็ดเงินระดมทุนจะทำให้บริษัทมีขีดความสามารถลงทุนใหญ่ขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ยกระดับในการเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และสร้างการเติบโตได้ตามแผนและกรอบเวลาที่ทางบริษัทได้วางไว้'
อย่างไรก็ตาม งานรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเป็นงานที่มีมูลค่าสูงและต้องดำเนินการต่อเนื่องหลายปี ดังนั้น ผู้รับเหมาต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี จึงคาดว่า RT จะมีโอกาสรับงานและสามารถสร้างการเติบโตได้ภายหลังระดมทุน IPO ได้ในอนาคต
เขา บอกว่า ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ราว 4,258 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2565 โดยมีงานสำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ โครงการก่อสร้างและอาคารประกอบอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง จ.เชียงใหม่ โครงการบ่อพักและท่อร้อยสายร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โครงการขยายถนนหนองหา-พังโคน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2564 โครงการรถไฟทางคู่สาย เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หากเปิดประมูลบริษัทจะเข้าไปรับงานต่อจากผู้ที่ชนะการประมูล ซึ่งถ้าบริษัทได้รับงานในส่วนของอุโมค์จะทำให้ปริมาณงานในมือเพิ่มขึ้นแตะ 'หมื่นล้านบาท' ถือว่าเป็นแบ็กล็อก 'สถิติสุงสุด' (New High) นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ที่เคยมีแบ็กล็อกมากสุด 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนไปขยายงานตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ที่ยังมีความต้องการเกี่ยวกับพลังงานทำให้มีโอกาสด้านการรับงานโครงการเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำควบคู่ไปด้วย และคาดว่าจะมีระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ที่บริษัทมีโอกาสได้รับงานเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันยังขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตด้วย
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2563 ถือเป็นการเติบโตทำสถิติสุงสุดบริษัทมีรายได้รวม 2,114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,687.48 ล้านบาท จำนวน 427.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.31% และมีกำไรสุทธิ 204.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.02 ล้านบาท จำนวน 137.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205.24 %
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้รวม 673.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 643.75 ล้านบาท จำนวน 29.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.60% และมีกำไรสุทธิ 67.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.51 ล้านบาท จำนวน 38.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 135.88%
ท้ายสุด 'ชวลิต' ทิ้งท้ายไว้ว่า เราเป็นผู้รับเหมาหลักในงานอุโมงค์ ซึ่งปัจจุบันมีงานอุโมงค์ออกมาต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสที่เราจะเข้าไปเก็บเกี่ยวเรื่อยๆ สอดคล้องกับที่งานที่เราโฟกัสเป็นงานอุโมงค์และงานท่อลอดสายไฟลงดิน