STEC - ซื้อ
ลบภาพเก่าออกไป แล้วเริ่มต้นใหม่
Event
อัพเดตแนวโน้มของบริษัท พร้อมทั้งปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย
lmpact
อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้า
เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 ที่ 3.4% และจะทรงตัวอยู่ในช่วง 4-5% เนื่องจาก i) ความคืบหน้าของโคงการโรงไฟฟ้า (GSRC 9.3 พันล้านบาท ซึ่งคืบหน้าไปแล้ว 85% และคาดว่าจะเสร็จใน 1Q64, GPD 9.2 พันล้านบาท คืบหน้าไปแล้ว 20% และคาดว่าจะเสร็จในปี 2567) และ
เริ่มงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (มูลค่า 8.2 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใน 2Q64-2568) ii) รับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาลดลง (จะรับรู้รายได้ทั้งหมดจากสัญญาหลักภายในสิ้นปีนี้) และ iii) รับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการสนามบินอู่ตะเภา (งานออกแบบล่วงหน้าก่อนจะได้รับหนังสือ
แจ้งให้เริ่มงาน (notice to proceed) ซึ่งรวมถึงการออกแบบสนามบิน และการทุบ TG MRO, การล้อมรั้วชั่วคราว และอื่นๆ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท)
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-2564 ขึ้นอีก 45% และ 30% จากอัตรากำไรขั้นต้นและ SG&A ลดลง
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563-64 ขึ้นอีก 45.1% และ 30% ตามลำดับ เนื่องจาก i) เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 และ 2564 ขึ้นจากเดิม 3.8% และ 4.1% เป็น 4.4% และ 4.6% ตามลำดับเนื่องจากคาดว่ารายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า และงานที่ทำไปล่วงหน้าในโครงการอู่ตะเภาจะ
เพิ่มขึ้น ii) เราปรับลดประมาณการค่าใช้จ่าย SG&A ลง 15.0% และ 13.2% เนื่องจากบริษัทคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564-65 จะโตเฉลี่ย 14.2%
งานในมือ แข็งแกร่งอยู่ที่ 1.08 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกระแสรายได้เข้ามาในอีกสามปี ข้างหน้า
STEC มีงานในมือ 1.08 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ไปอีกประมาณ 3 ปี ในขณะที่ backlog งานใหม่จากการเข้าประมูลโครงการอย่าเช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท) ก็ถือเป็น upside ถ้าหากว่า consortium ของ BTS ชนะการประมูล เราคาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่เฟสที่ 2 (เด่นชัย - เชียงราย – เชียงของ มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท) แบบ e-bidding ใน 2Q64 (เรารวมส่วนแบ่งตลาด 20% ใน Figure 2 เข้าไว้ในประมาณการรายได้ของ STEC แล้ว)
Valuation & Action
เราปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 16.60 บาท อิงจาก PER เฉลี่ยระยะยาว ที่ 23.8x เราเชื่อว่าผลประกอบการใน 4Q63 จะดีขึ้น QoQ เนื่องจาก i) มีกำไรจากการขายโครงการหมอชิตแลนด์ 130 ล้านบาท ii) มีกำไรจากการปรับมูลค่าที่ดินเปล่า ทั้งนี้ เรามองว่าแนวโน้มในปี 2564-65 ยังคงเป็นบวกเนื่องจากเราคาดว่า STEC จะได้ backlog ใหม่เพิ่มอีกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองส่วนต่อขยาย (~7 พันล้านบาท) และ งาน O&M โครงการมอเตอร์เวย์ (5-6 พันล้านบาท)
Risks
งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด, ขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนค่าวัสดุแพงขึ้น