แตก-รวม พาร์ทางลัดหนุนราคา เพิ่มสภาพคล่องดึงนักลงทุน
ปรากฎการณ์หุ้นดาวเด่นราคาพุ่งปี 2563 พาเหรดพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลงราคาพาร์กันอย่างคึกคัก ด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้นเป็นการเพิ่มฟลีโฟลตให้กับนักลงทุนได้ลงทุนหมุนรอบได้มากขึ้น
วัตถุประสงค์หลักของการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์มีผลโดยตรงกับจำนวนหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกับมูลค่าราคาหุ้น หากมีการใช้วิปรากฎการณ์หุ้นดาวเด่นราคาพุ่งปี 2563 พาเหรดพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลงราคาพาร์กันอย่างคึกคัก ด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้นเป็นการเพิ่มฟลีโฟลตให้กับนักลงทุนได้ลงทุนหมุนรอบได้มากขึ้นธีแตกพาร์นั้นหมายถึงเพิ่มจำนวนหุ้นมากขึ้นการซื้อหรือขายแต่ละครั้งจะใช้จำนวนเงินลดลง แต่สามารถเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นได้ดี ซึ่งหลังจากแตกพาร์แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือราคาหุ้นที่การเปลี่ยนแปลงลดลงนั้นเอง
สวนทางกับการรวมพาร์ ซึ่งวิธีการนี้ลดจำนวนหุ้นลงการซื้อหรือขายแต่ละครั้งจะใช้จำนวนเงินที่มากขึ้นแทน ซึ่งไม่เป็นการเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งหลังจากแตกพาร์แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือราคาหุ้นที่การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเช่นกัน
โดยมี 3 หุ้นพิมพ์นิยมลงทุนที่ประกาศออกมาแล้ว รายการแรก บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตระกูลดัง ‘ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ’ ประกาศรวมพาร์จาก 0.50 บาท มาอยู่ที่ 1 บาท (29 ธ.ค. 2563)ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นลดลงจาก 23,812 ล้านหุ้น อยู่ที่ 11,906 ล้านหุ้น
ก่อนหน้านี้บริษัทต้องการเพิ่มฟรีโฟลตมาอยู่ที่ 20.85 % จาก 11 % ให้กับรายย่อย ก่อนจะกรุยเป้าหมายเข้าไปอยู่ในสายตาของกองทุนและสถาบัน และนำไปสู่การขึ้นแท่นบริษัทในกลุ่ม บิ๊กแคป ให้ได้ ด้วยการขายหุ้นบิ๊กล็อตของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2,250 ล้านหุ้น ที่เฉลี่ยราคาหุ้น 1.40 บาท (28 ต.ค. 2563)ต่ำกว่าราคาในกระดานที่เปิดมาวันที่ทำรายการ 1.60 บาท และยังต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนหน้านี้ (27 ต.ค. 2563)ที่ 1.92 บาท
โดยก่อนที่จะมีการรวมพาร์มีการประกาศประกาศเพิ่มทุนมาแล้ว (25 ธ.ค. 2563) จนทำให้มีจำนวนหุ้นอยู่ที่ 23,812 ล้านหุ้น พร้อมทั้งออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น (STARK-W1) จำนวน 3,970 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นฟรีในอัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 1หน่วยใหม่ มีราคาใช้สิทธิที่ 5 บาท จะเข้าทำการซื้อขายในช่วงกลางเดือนม.ค. นี้
ถัดมาบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตถุงมือยางอันดับ 3 ของโลก และเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)หรือ STA ได้ประกาศแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 5 บาท (5 ม.ค. 2564) ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 1,428 ล้านหุ้น อยู่ที่ 2,857 ล้านหุ้น
โดยมาพร้อมกับข่าวดีการประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่า 50 % ของกำไรสุทธิจากเดิมไม่น้อยกว่า 30 % ของกำไรสุทธิ ที่สำคัญในปี 2564 มีนโยบายจะจ่ายปันผลระหว่างกาลทุกไตรมาสเดือนมิ.ย. ก.ย. และ ธ.ค. อีกด้วย
หากไม่นับรวมข่าวบวกที่บริษัทประกาสเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ด้วยการไม่ออกหุ้นใหม่แต่นำหุ้นเดิมบางส่วนเข้าทำการซื้อขาย หรือยอดออร์เดอร์ถุงมือยางที่ทะลักข้ามปีไปไกลถึง 2566 สามารถปรับเพิ่มราคาขายปลีกได้ต่อเนื่อง จนกลายเป็นหุ้นที่ทุกคนคาดหวังผลการดำเนินงานทุบสถิติรายไตรมาส
สุดท้าย บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ประกาศแตกพาร์จาก 3 บาท เหลือ 1 บาท ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 456 ล้านหุ้น เป็น 1,369 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์คล้ายกันกับ STGT ต้องการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหุ้นเพื่อให้สามารถเข้าได้รับพิจารณาเข้าสู่ดัชนี SET 100 ในอนาคต
พร้อมกันนี้บริษัทยังออกวอร์แรนต์ (NOBLE-W2) จำนวน 342.35 ล้านหหน่วยให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 4หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใหม่ จะเริ่มทำการซื้อขายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ม.ค. นี้ มีราคาแปลงสิทธิที่ 8 บาทต่อหุ้น จะเริ่มใช้สิทธิครั้งแรก มิ.ย. 2565 เตรียมรองรับการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาทของบริษัทในอนาคต
หุ้น NOBLE ถือว่าเป็นหุ้นอสังหาฯ ที่ชนะโควิดปี 2563 จากราคาหุ้นปรับตัว 50 % มาจากกระแสการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น การจ่ายปันผลแบบแถบหมดหน้าตัก จากในปี 2562 ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล ที่ 5.20 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นเม็ดเงิน 2,400 ล้านบาท การเตรียมนำสินทรัพย์ Noble Remix ขายเข้ากองทรัสต์จึงกลายเป็นหุ้นอสังหาฯ ที่สร้างความสนใจให้กับนักลงทุน
บรรดาหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงพาร์ แม้จะไม่มีผลต่อมูลค่าหุ้นแต่ก็มีผลต่อราคาหุ้น สามารถสร้างกระแสความน่าสนใจในหุ้นได้ทันที ยิ่งมีปัจจัยบวกเพิ่มเข้ามาหนุนยิ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงพาร์เป็นวิธีการทางลัดที่หลายบริษัทนำมาหยิบใช้เพื่อดึงดูดนักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น