ส่องต้นแบบ 12 ท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่ เคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากฝ่าโควิด-19!
การผลักดันท่องเที่ยวชุมชนเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ผลประโยชน์จากภาคท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะหน่วยงานด้านการตลาดจึงได้เฟ้นต้นแบบ “ท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่” 12 ชุมชนที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการและชูอัตลักษณ์มัดใจนักท่องเที่ยว ทั้งยังได้รับตราสัญลักษณ์ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย “Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA” พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยการสร้างความเชื่อมั่น หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในชุมชนให้สามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรครวมถึงวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้
สำหรับ 12 ชุมชนต้นแบบฯล้วนอัดแน่นด้วยเสน่ห์ชวนหลงใหล ใครเห็นเป็นต้องรัก หากนักท่องเที่ยวปักหมุดเยือนภาคเหนือ ขอแนะนำ วิสาหกิจชุมชนออนซอนเดย์โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง จ.เชียงราย หมู่บ้านเล็กๆ ริมน้ำโขงที่ดีกรีไม่ธรรมดา เพิ่งคว้ารางวัลใหญ่ “สุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท” หรือ Thailand Rural Tourism Award 2020 โครงการประกวดสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบทเพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชน
บ้านท่าขันทองรุ่มรวยด้วยวิถีเรียบง่ายสไตล์อีสานล้านนา เป็นชุมชนใหญ่ของชาวอีสานที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากนานกว่า 60 ปี ได้พกพาวัฒนธรรมอีสานมาผสมผสานกับวัฒนธรรมล้านนาในพื้นที่ ทั้งประเพณี ความเป็นอยู่ อาหาร และการแสดงจนเกิดเป็นเสน่ห์ใหม่ เส้นทางห้ามพลาดคือล่องเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งโขง
นอกจากนี้ยังมี ชุมชนบ้านสันทางหลวง จ.เชียงราย เจ้าของ “วิถีไทยอง” อันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนชัดผ่านตัวตน การแต่งกาย อาหาร รวมถึงการฟ้อนรำ ครบเครื่องเรื่องเกษตรปลอดภัยวิถีไทล้านนาและงานหัตถกรรมทั้งผ้าทอและตุ๊กตาไทยอง
อีกแห่งคือ วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย โดดเด่นด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ได้รับการสืบทอดมายาวนานอย่าง “ผ้าหมักโคลน” เชื่อมโยงความมหัศจรรย์จากผืนดินสู่ผืนผ้า โดยมีการย้อมเส้นฝ้ายสีขาวด้วยสีธรรมชาติ เช่น คราม รวมถึงเปลือกไม้ ใบไม้ หรือดอกไม้ จากต้นหว้า ต้นมะกอก และใบสะเดาซึ่งให้สีโทนเขียว ก่อนจะผ่านกระบวนการต่างๆ จนถึงขั้นตอนการทอเป็นลวดลาย ก่อนนำมาหมักในโคลนจากท้องนาซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ค้นพบโดยบังเอิญขณะชาวบ้านออกไปทำนา แล้วสังเกตว่าเสื้อผ้าส่วนล่างที่เปื้อนโคลนมีความนิ่ม วิถีนี้จึงได้รับการสานต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ต่อกันด้วยภาคอีสาน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มโฮมสเตย์เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมบ้านเชียง จ.อุดรธานี มีแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อู่อารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นของภูมิภาคเอเชียเป็นจุดขายสำคัญดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสวิถีชีวิต ทั้งการแต่งกายแบบไทพวน การทำเครื่องปั้นดินเผา การทอผ้ามัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ การทำพาขวัญ การบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงดนตรีอีสาน
อีกแหล่งเที่ยวใกล้เคียงที่อยากชวนมาสัมผัสวิถีสโลว์ไลฟ์คือ หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านภู จ.มุกดาหาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบในหุบเขา โอบล้อมด้วยธรรมชาติสวยสดและสงบร่มรื่น มีชื่อเรื่องเกษตรกรรมพื้นถิ่นและงานหัตถกรรม เช่น ผ้าหมักโคลน ที่สำคัญคือชาวบ้านยังคงยึดมั่นจารีตประเพณี สืบสานไว้อย่างเหนียวแน่น ทั้งการแต่งกายด้วยการนุ่งซิ่นทิว ใส่เสื้อเย็บมือย้อมครามแถบชายขอบสีแดง ห่มผ้าสไบพาดไหล่ซ้าย รวมถึงพิธีบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงพื้นบ้านอย่างการแห่กลองตุ้มกับฟ้อนภูไท
ข้ามฟากมายังภาคกลาง วิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ.สมุทรสงคราม ชุมชนริมคลองผีหลอกซึ่งเป็นสายน้ำแยกย่อยจากแม่กลอง เมื่อมาถึงก็สามารถตัดขาดความเร่งรีบได้อย่างง่ายดาย เมื่อเห็นต้นมะพร้าวยืนเรียงรายชวนชม แน่นอนว่าสินค้าแปรรูปสร้างรายได้ของชุมชนย่อมหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว โดยชุมชนจัดโปรแกรมสาธิตการทำน้ำตาล อาหารคาว และขนมไทย พร้อมเผยโฉมสวนเกษตรอินทรีย์ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนกิจกรรมห้ามพลาดคือการทำบุญใส่บาตรพระทางเรือยามเช้า ขี่จักรยานชมสวน ชมตลาดน้ำยามเย็น และเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมสองฝั่งคลองและหิ่งห้อย
เคลื่อนตัวมาฝั่งภาคตะวันออกกันต่อ วิสาหกิจชุมชนทุ่งเพลโฮมสเตย์ จ.จันทบุรี ริมน้ำตกเขาบรรจบ อุดมด้วยความเขียวขจีของแมกไม้ และชื่นฉ่ำไปกับลำธารน้ำตกไหลผ่าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนผลไม้ เช่น ทุเรียน และลองกอง เมื่อไตร่ตรองว่ามีของดีในมือจึงรวมกลุ่มกันจัดทำที่พักโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวที่มองหาความเงียบสงบ ต้องการหลบพ้นความวุ่นวายของสังคมเมือง
ขณะที่ภาคใต้ไม่ยอมน้อยหน้า วิสาหกิจชุมชนเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบางสน จ.ชุมพร ซึ่งรวมกลุ่มกันเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งป่าชายเลนจนกลับมาอุดมสมบูรณ์ และมุ่งสร้างงานสร้างรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวในช่วงที่เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ด้วยการจัดกิจกรรมสนุกๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชุมชน ทั้งดำน้ำ หาหอยพู่กัน ตกปลา ตกหมึก นั่งเรือชมหิ่งห้อย และแวะจุดท่องเที่ยวบนฝั่งของ อ.ปะทิว รวมถึงชิมรสมืออาหารพื้นบ้านหลากหลายของเชฟชุมชน
โฮมสเตย์ท้องตมใหญ่ จ.ชุมพร หมู่บ้านชาวประมงขนาดใหญ่ริมทะเลอ่าวไทย กินขาดด้วยบรรยากาศริมเล เสิร์ฟครบทั้งบริการอาหารทะเลสดใหม่ บริการเรือตกหมึก บริการเหมาเรือไปดำน้ำตื้นและเที่ยวตามเกาะต่างๆ ในหมู่เกาะชุมพรซึ่งเลื่องชื่อว่าสวยไม่แพ้ที่ใดในโลก และอีกจุดที่ต้องไปเยือนและเก็บภาพความประทับใจคือจุดชมวิวบริเวณสะพานปลา สวยจับตาโดยเฉพาะยามตะวันรอน
ข้ามมายังฝั่งทะเลอันดามัน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ จ.กระบี่ โดดเด่นด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สัมผัสธรรมชาติด้วยการปั่นจักรยาน พายคายัค นั่งเรือหางยาวเยือนแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในชุมชน และการเดินทางสำรวจโถงถ้ำหินปูนชวนให้รู้สึกเหมือนออกผจญภัย ไฮไลต์คือแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ “หาดโคลนร้อน” อุดมด้วยแร่ธาตุมากประโยชน์ สายเฮลธ์ตี้ต้องโดน! สามารถทำสปาพอกโคลนร้อนขับผิวให้สวยและเต่งตึงขึ้น หรือจะเดินนวดเท้าไปบนพื้นโคลนร้อนและเอาเท้าแช่ร่องน้ำร้อนให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ขับไล่ความเหนื่อยล้า เหมือนได้ชาร์จพลังกลับมาเต็มร้อย
วิสาหกิจชุมชนบ้านนาตีน จ.กระบี่ ท่องเที่ยวชุมชนวัฒนธรรมมุสลิม โดดเด่นเรื่องการเรียนการสอนศาสนาอิสลามที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่ซึ่งร่ำเรียนกันมาหลายชั่วคนที่ปอเนาะครุเดีย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมบรรยากาศการเรียนการสอนได้ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ทำสวนยาง สวนมะพร้าว และสวนผลไม้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ชมสาธิตการทำอาหารและขนมพื้นบ้านรวมถึงกิจกรรมการทำของที่ระลึกจากกะลามะพร้าวและผ้าบาติก
ปิดท้ายด้วย วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก จ.กระบี่ ชุมชนชาวเล 3 วัฒนธรรม ประกอบด้วย ไทยพุทธ ไทยเชื้อสายจีน และไทยมุสลิม อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดและแน่นแฟ้นมานานกว่า 100 ปี มีศาสนสถานของแต่ละความเชื่อยึดโยงถึงกัน กิจกรรมน่าสนใจคือการนั่งเรือชมถ้ำชาวเลเพื่อชมภาพเขียนสีอายุกว่า 3,000 ปี และเขาผาค้อม พร้อมชมกระชังปลาและการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น
และทั้งหมดนี้คือ 12 ชุมชนต้นแบบท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ “SHA” มั่นใจได้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ท่องเที่ยวได้อย่างวางใจ การ์ดไม่ตก!