SPA - ซื้อ

Event

ประมาณการ 4Q63F

Impact

คาดว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาทใน 4Q63F

เราคาดว่า SPA จะมีผลขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาทใน 4Q63F ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 55 ล้านบาทใน 3Q63 แต่แย่ลงจากที่มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาทใน 4Q62 โดยผลประกอบการที่ดีขึ้น QoQ เป็นเพราะการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ตั้งแต่เดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม การชุมนุมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่งผลกระทบต่อทิศทางการฟื้นตัวของสาขาร้านสปาในกรุงเทพ โดยเราคาดว่า SSSG โดยภาพรวมจะดีขึ้นเล็กน้อยจาก -77% YoY ใน 3Q63 เป็น -73% YoY ใน 4Q63F ในขณะที่คาดว่า EBIT margin ก็จะดีขึ้นจาก -67.4% ใน 3Q63 เป็น -39.4% ใน 4Q63F เนื่องจากการประหยัดต่อขนาด

สะดุดช่วงสั้นจากการที่ COVID-19 ระบาดระลอกใหม่

หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มในช่วงต้นเดือนมกราคม 2564 ทำให้มีการปิดร้านสปาในบางจังหวัด โดยบริษัทได้ปิดบริการสาขาทั้งหมดในกรุงเทพ พัทยา และบางจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งจนถึงขณะนี้ เหลือเพียง 7 สาขาเท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการอยู่ (จากทั้งหมดประมาณ 60 สาขาทั่วประเทศ)
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ภูเก็ต, ตรัง และเชียงใหม่ สำหรับในระยะต่อไป เรามองว่ากรอบเวลาของการกลับมาเปิดบริการอีกครั้งยังไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลและยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวัน ของประเทศไทย ซึ่งโดยรวมแล้วเรามองว่าจะทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการสะดุดลงบ้างใน 1Q64F

ปรับลดประมาณการปี 2564F เป็นขาดทุนสุทธิ 30 ล้านบาท

เราปรับลดประมาณการปี 2564F เป็นขาดทุนสุทธิ 30 ล้านบาท (จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนถึงการปิดร้านสปาในช่วง 1Q64F และมุมมองที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการใน 1H64F

Valuation & Action

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ SPA เนื่องจากความเสี่ยงทางการเงินอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ (Figure 4) และการนำวัคซีนป้ องกัน COVID-19 ออกมาใช้ก็จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการในระยะยาวหลังผ่านพ้นการระบาดไปแล้ว เรายังคงคำแนะนำซื้อ SPA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท อิงจาก P/E ปี 2565F ที่ 40.4x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว ทั้งนี้ เราได้หัก discount ของ EBITDA ไปหนึ่งปี โดยใช้ WACC ที่ 11.2%

Risks

COVID-19 ระบาดยืดเยื้อยาวนาน