โครงสร้างพื้นฐานครบวงจร รองรับการลงทุน EEC
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อม ครบวงจร นับเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อม ครบวงจร นับเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน ที่นอกเหนือจากรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อดำเนินการแล้ว ภาคเอกชนเองต่างก็ตื่นตัว ขานรับนโยบายวางแผนการลงทุน พัฒนาพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคู่ขนานไปกับรัฐบาลเช่นเดียวกัน ดังกรณีของ IRPC ที่ได้มีการพัฒนาทั้งพื้นที่อุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค การให้บริการถังเก็บผลิตภัณฑ์ ตลอดจนท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เป็นต้น
ตัวอย่างโครงการที่เห็นเป็นรูปธรรมพอสังเขป ในด้านการพัฒนาพื้นที่เพื่ออุตสาหกรรม เราได้พัฒนาเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี โดยมุ่งเป้าการพัฒนาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครบวงจรชั้นนำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยปัจจุบันมีสถานประกอบการตั้งอยู่กว่า 40 โรงงาน และได้รับการรับรองเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ 5 (สูงสุด) และยังคงมีพื้นที่พร้อมรองรับอุตสาหกรรมกว่า 1,300 ไร่ ซึ่งเราได้เตรียมพร้อมรองรับการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ ในด้านของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจอย่างครบวงจร
ทั้งการบริการระบบบำบัดน้ำเสีย การบริการระบบไฟฟ้าและระบบไอน้ำ รวมถึงการพัฒนาระบบดิจิทัลในการจัดการระบบผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าแบบรวมศูนย์สั่งการไฟฟ้าและไอน้ำ (Power Dispatching Center) ทำหน้าที่ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้มีเสถียรภาพสูงสุด พร้อมระบบสายส่งแบบ Loop Line เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนศักยภาพพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม (สีม่วง) สามารถเชื่อมโยงการผลิตกับโรงงานในเขตประกอบการฯ เอง และในนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่ติดท่าเรือ และใกล้เคียงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ถนน รถไฟ สนามบิน ส่งผลให้การคมนาคมขนส่งสะดวกสบายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากระบบสาธารณูปโภคที่ครบวงจรแล้ว ยังได้จัดเตรียมบริการอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน อาทิ การบริการถังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลว ที่สามารถรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้ถึง 2.9 ล้านตัน บริหารจัดการโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล
การให้บริการท่าเทียบเรือ ที่นับเป็นท่าเรือที่ลึกที่สุดในประเทศ (19 เมตร) รองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลทั้งในและต่างประเทศ และรองรับเรือที่มีขนาดระวางเรือได้หลากหลาย ทั้งการขนถ่ายสินค้าทั่วไป เช่น เหล็ก กะลาปาล์ม ถ่านหิน แกรนิต ทราย ปุ๋ย และการขนถ่ายสินค้าประเภทของเหลวและก๊าซ ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ IRPC ยังได้ร่วมลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท จังหวัดระยอง (WHA IER) ที่ได้รับการรับรองให้เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ” (Smart Industrial Estate) จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในฐานะนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยและสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 รองรับการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME
เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งสำหรับการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการลงทุน ที่ไม่เพียงแต่ IRPC เท่านั้น เอกชนหลายรายก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ต่างมีแผนการการลงทุน พัฒนา เปิดรับ และให้บริการ อย่างครบวงจร มุ่งมั่นทุ่มเทที่จะให้บริการที่ดีที่สุดกับนักลงทุน สนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้น เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของEEC และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย