งบกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าคาด หนุนบรรยากาศการเก็งกำไรช่วงสั้น

งบกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าคาด หนุนบรรยากาศการเก็งกำไรช่วงสั้น

ตลาดหลักทรัพย์เตรียมปรับหลักเกณฑ์ Free Float และการจัดทำดัชนี

ตลท.เตรียมทบทวนหลักเกณฑ์และมาตรการเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่มีปริมาณหุ้นหมุนเวียน (Free float) ต่ำ และมีแนวคิดที่จะปรับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคำนวณดัชนี จากเดิมที่ใช้มูลค่าตลาดของทั้งบริษัท (Full market capitalization) เป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ที่ปรับด้วยหุ้นหมุนเวียน (Free float adjusted market capitalization) เพื่อสะท้อนสภาพตลาดได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้หากมีการนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้จริง อาจจะทำให้อันดับของหุ้นในดัชนี SET50/SET100 เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยหุ้นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หุ้นที่มีสัดส่วนหุ้นหมุนเวียนสูงกว่า จะมีน้ำหนักในดัชนีมากกว่า ขณะที่หุ้นที่มีมูลค่าตลาดเล็กกว่า อาจมีขนาดและอันดับในดัชนีใหม่มากกว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ แต่มีสัดส่วนหุ้นหมุนเวียนน้อย ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ได้แก่ BBL, SCB, KBANK ขณะที่หุ้นที่อาจกระทบ จะได้แก่ DELTA, AOT, MAKRO, GULF, BAY

ตลาดตอบรับเชิงบวกหลังไบเดน สาบานตน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิปดีสหรัฐฯ คนที่ 46 อย่างเป็นทางการ โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ น้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ทิศทางการรายงานผลประกอบการโดยรวมยังออกมาในทิศทางที่ดีกว่าคาด ธีมการลงทุนหลักยังเป็นเรื่องของ 1) การฟื้นตัวของเศรษบกิจและการกลับมาของเงินเฟ้อ 2) การสนับสนุนพลังงานสะอาดตามนโยบายประธานาธิปดีคนใหม่ 3) การค้าโลกที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว หลังหมดยุคทรัมป์ ซึ่งส่งผลบวกต่อกลุ่มโภคภัณฑ์, พลังงานทดแทน และอาหาร สำหรับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ด้วย valuation ที่แพง ทำให้การลงทุนและเก็งกำไร ต้องเพิ่มความระวังที่มากขึ้น

ประเด็นการลงทุนเรายังคงชอบหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการฟื้นตัวของกำลังการบริโภคจากต่างประเทศ (ส่งออก) อาทิ STA, AMA, TVO, TU, CPF, GFPT หรือที่มีปัจจัยบวกรายตัว อาทิ ETC, PTG, EA //สำหรับหุ้นใหญ่ในกลุ่มโภคภัณฑ์ เราชอบ PTT, PTTGC, IVL // และหุ้นลงทุนระยะยาว ทยอยสะสม SCGP, BDMS, MINT, CPALL, DCC // ภาพทางเทคนิคเป็นบวกต่อการเก็งกำไรระยะสั้น MICRO, DOHOME, COM7, SPVI, SQ, MCS

ภาพรวมกลยุทธ์ การรายงานกำไรที่ดีกว่าคาดของ KBANK แสดงถึงการตั้งสำรองค่อนข้างเพียงพอไปแล้วในครึ่งปีแรก ประกอบกับแนวคิดการปรับเกณฑ์เรื่องคำนวณดัชนีใหม่ ทำให้กลุ่มธนาคารมีโอกาสเกิด re-rating ขึ้น เป็นปัจจัยบวกหนุนดัชนี // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร PTG*, VNT*, TVO*, CCET*

แนวรับ 1,503 จุด / แนวต้าน : 1,528-1,535 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

เวิลด์แบงก์คาด GDP ไทยโต 4% ปีนี้ และ 4.7% ในปีหน้า. ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานคาดเศรษฐกิจไทยปี 64 และ 65 มีแนวโน้มขยายตัวที่ระดับ 4% และ 4.7% ตามลำดับ รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการช้นโยบายการคลังของรัฐบาล

จีน เผยยอด FDI ปี 63 โตสูงสุดเป็นประวัติการณ์. กระทรวงพาณิชย์จีนเผยยอดการลงทุนโดยครงจากต่างประเทศ (FDI) ปี 63 ขยายตัว 6.2% แตะระดับ 9.99 แสนล้านหยวน ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางประเทศอื่นที่หดตัวลงจากผลกระทบด้านโควิด-19

ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมร่วงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน. ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค.63 อยู่ที่ 85.8 ลดลงจาก 87.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากผลกระทบของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงกว่ารอบแรก

ราคาเหล็ก – หุ้นกลุ่มเหล็กถูกเก็งกำไรขึ้นต่อเนื่องหลังราคาเหล็กตลาดโลกปรับตัวขึ้นตั้งแต่ปลาย ส.ค.63 เป็นต้นมา (ราคาเหล็กรีดร้อนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว) อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังผลประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะงานโครงสร้างเหล็ก อาจรายงานผลประกอบการผิดคาดเนื่องจากต้นทุนเหล้กที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก

BTS – W5 – ซื้อขายวันสุดท้าย 21 ม.ค.64 ขณะที่หุ้นแม่จะจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น XD 29 ม.ค.64

ประเด็นติดตาม: - 21 ม.ค. : ECB meeting // 27 ม.ค. – ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)