ลงทุน ...เรื่องยาก
"การลงทุน" เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในตัวเอง และเป็นเรื่องยากเพราะเป็นสิ่งที่ไม่อยู่นิ่ง มีพัฒนาการตลอดเวลา รวมถึงหัวใจของการลงทุนคือกระจายความเสี่ยง
มีผู้ถามว่าจากประสบการณ์ลงทุนมา 35 ปี ดิฉันมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการลงทุน ดิฉันขอตอบสรุปๆไว้ดังนี้
การลงทุนเป็นทั้ง ”ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในตัวเอง ถ้าเชื่อใน “ศาสตร์” อย่างเดียว ทำตามทฤษฎีอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จเพียงครึ่งเดียว คือในช่วงที่ทุกอย่างเป็นไปตามทฤษฎี ส่วนช่วงเวลาอื่น ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเชื่อใน “ศิลป์” อย่างเดียว ใช้ความรู้สึกและอารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน รักอะไรชอบอะไร ก็ลงทุนในสิ่งนั้นๆ และยึดติดกับความรักความชอบ ถึงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง เงินลงทุนก็อาจจะกลายเป็นความว่างเปล่าไปได้
มูลค่าหลักทรัพย์ควรเป็นเท่าไร เป็นปัจจัยที่ยากมากที่สุดในบรรดาปัจจัยทั้งหลายที่ผู้ลงทุนต้องคำนึงถึงในการลงทุน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ด้วยว่าเป็นหลักทรัพย์ประเภทใด หากเป็นตราสารหนี้ มูลค่าจะเคลื่อนไหวในวงแคบกว่าตราสารทุน หรือหุ้นทุน เนื่องจากตราสารหนี้ถูกกำหนดผลตอบแทนไว้แน่นอนแล้ว ความแตกต่างของมูลค่าก็จะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาด และความคาดหวังอัตราดอกเบี้ยในอนาคต แต่ที่สำคัญและคนอาจจะมองข้ามคือ “ความสามารถในการจ่ายคืนเงินให้ผู้ลงทุน” เพราะหากปัจจัยนี้ถูกกระทบ มูลค่าก็อาจจะหายไปมากค่ะ
กรณีมูลค่าของตราสารทุน เนื่องจากผลตอบแทนและความเสี่ยงของผู้ลงทุน ขึ้นอยู่กับแนวทางและกลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัท และการเติบโตในอนาคต การคำนวณหามูลค่าจึงมีความซับซ้อน และมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น
มูลค่าของหลักทรัพย์ควรจะเป็นเท่าใดยังขึ้นอยู่กับว่าถามใครด้วย เพราะมีทั้งมูลค่าทางทฤษฎี มูลค่าที่คิดจากการเติบโตในอนาคต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประมาณการของผู้วิเคราะห์ และยังมีมูลค่าของวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง/ผู้บริหาร เช่นที่เราเห็นแล้วในกรณีของเทสล่า เมื่อผู้ลงทุนเชื่อในวิสัยทัศน์นั้น มูลค่าบริษัทก็สามารถเพิ่มขึ้นไปได้ นักลงทุนระยะยาว จึงต้องประมวลวิสัยทัศน์มารวมกับการประมาณการ จึงจะได้มูลค่าของหลักทรัพย์ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนในตลาด มีทั้งผู้ลงทุนระยะสั้น ระยะปานกลาง และผู้ลงทุนระยะยาว และยังมีผู้ลงทุนกลุ่มเก่าและกลุ่มมือใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนกลุ่มมือใหม่โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ลงทุนผ่านเพลตฟอร์ม และกลุ่มผู้ลงทุนทั่วโลกที่เสาะแสวงหาการลงทุนในยุคนิวนอร์มอล ที่ทำให้ราคาหุ้นของกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้นในปี 2563 จนดูเหมือนแพงมากหากวัดด้วยมาตรฐานอัตราส่วนเดิมที่ใช้กันมาตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมา
การคิดของผู้ลงทุนแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน ซึ่งเป็นข้อดีว่าทำให้เกิดการซื้อขาย หากทุกคนคิดเหมือนกันหมด ก็จะไม่เกิดการซื้อขายค่ะ เช่นที่เกิดขึ้นในหุ้นของบริษัทดีๆ มั่นคง เติบโตสม่ำเสมอ ปรับกลยุทธ์เข้ากับสถานการณ์ได้ดี ผู้ลงทุนก็สบายใจ ซื้อแล้วจึงถือยาว ที่ตั้งใจจะลงทุนระยะสั้น ก็อาจจะติดใจ ลงทุนระยะยาวไปเลย จึงทำให้มีสภาพคล่องในการซื้อขายน้อย ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ผู้ลงทุนไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Happy problem โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน หุ้นที่มีลักษณะตามที่ดิฉันกล่าว ก็จะได้รับผลกระทบด้านราคาน้อยเมื่อผู้ลงทุนตกใจ และเมื่อตลาดกลับมาสู่ภาวะปกติ ราคาก็กลับมาอยู่ที่เดิม
เรื่องมูลค่าหลักทรัพย์นี้ สามารถเขียนได้อีกหลายตอนทีเดียว
ในการลงทุนต้องสนใจรับทราบความคิดและทีท่าของ “ผู้ลงทุนอื่นๆ” ด้วย หลายครั้งที่เราอาจจะคิดไปไกลเกินไป เร็วเกินไป หากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้คิดไปในแนวนั้นๆ เราอาจจะเข้าซื้อเร็วไป หรือขายเร็วเกินไปได้ค่ะ ถือเป็นการเสียโอกาส เวลาที่ดีที่สุด คือ “ก่อนคนอื่น” แต่ต้องไม่ก่อนนานมากนัก เพราะหากตลาดก็ไม่คิดตามเสียที จนเราทนไม่ไหว กลับเข้าไปซื้อใหม่ และเราอาจจะออกตัวไม่ทัน
การลงทุนเป็นเรื่องยากเพราะเป็นสิ่งที่ไม่อยู่นิ่ง มีพัฒนาการตลอดเวลา เนื่องจากปริมาณเม็ดเงินลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนในโลกนี้ ณ ปี 2019 มีมหาศาล ถึงประมาณ 206.2 ล้านล้านเหรียญ (ข้อมูลจาก Investment Company Institute) หรือประมาณ 6,290 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 2.5 เท่าของ GDP ของโลกในปี 2020 ที่ IMF ประมาณไว้ 83.84 ล้านล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,557 ล้านล้านบาท จึงเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก มีผู้เกี่ยวข้องมาก เราจึงต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมเสมอๆ ต้อง update สถานการณ์ลงทุน เครื่องมือลงทุน ตราสารใหม่ๆ ซึ่งเมื่อเรียนรู้แล้ว เราอาจจะสนใจลงทุน หรือไม่สนใจลงทุนก็ได้
ผู้ลงทุนที่ดีจึงต้องฝึกช่างสงสัย ถามคำถาม ในสิ่งที่ข้องใจ และฟังดูไม่สมเหตุผล การถามคำถามที่ถูกเวลา ถูกเรื่อง ช่วยทำให้รอดพ้นจากการลงทุนที่แย่ๆ และอาจเห็นโอกาสในการลงทุนดีๆ
การลงทุนยากเพราะหัวใจของการลงทุนคือกระจายความเสี่ยง ดังนั้น เมื่อต้องกระจายความเสี่ยงก็ต้องมีแนวคิดในการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเซียนระดับไหนก็ตาม ไม่ควรจะทุ่มอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเดียว ต้องเข้าใจว่า การลงทุนไม่ใช่การพนัน การพนันขึ้นอยู่กับโชคอย่างเดียว จึงอาจหมดเนื้อหมดตัวได้ง่ายๆ แต่การลงทุนมีปัจจัยพื้นฐาน ผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุน ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะ “โชค” อย่างเดียว ต้องมีความรู้ และรู้จักนำความรู้มาประยุกต์ในการบริหารจัดการลงทุนด้วย จึงจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง และสามารถทำให้ความมั่งคั่งยั่งยืนได้ค่ะ
อย่างไรก็ดี ไม่สามารถกล่าวได้ว่า เรื่องของการลงทุน ไม่เกี่ยวกับ “โชค”เลย เพราะบางที “โชค” ก็มีส่วน หลายท่านก็อาจจะเคยมีเหตุการณ์บังเอิญเกิดขึ้นกับการลงทุน คนที่ lucky in games คือมักจะได้โอกาสลงทุนในสิ่งที่ดี หรือ โชคดีบ่อยๆ และหลายครั้ง ก็รอดพ้นจากการลงทุนที่แย่ๆได้ด้วย