ขาดปัจจัยใหม่
ตลาดหุ้นวานนี้พลิกปิดปรับตัวขึ้นกว่า 11.21 จุด แข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนลบ โดยดัชนีภายในประเทศได้แรงหนุนจากหุ้นแบงก์
นำโดย SCB BBL และ KBANK รวมทั้งแรงรีบาวด์หุ้น DELTA หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่องหลายวัน โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,512.83 จุด +11.21 จุด +0.75% มูลค่าการซื้อขาย 87,783 ลบ. ต่างชาติ -2,444.20 ลบ. TFEX -8,690 สัญญา ตราสารหนี้ -43 ลบ.
ปัจจัยบวก
+การฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกมีความคืบหน้า คาด J&J จะเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในสัปดาห์นี้หลังทดลองระยะ 3 ซึ่งจะฉีดเพียงโดสเดียว ปธน.ไบเดนประกาศเพิ่มจำนวนวัคซีนฉีดให้ชาวอเมริกันมากขึ้น ในไทยก.สาธารณสุขเตรียมฉีด 14 ก.พ. ขณะที่แอสตร้าเซนเนก้าเริ่มถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนกับให้สยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งแต่ ต.ค. 63 และสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้
+ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ได้แก่ Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสูงกว่าคาดในม.ค.
+ครม.อนุมัติมาตรการด้านการเงินและภาษีช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ลดภาษีที่ดิน 90% ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนองบ้าน เหลือ 0.01% ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม 2 เดือนให้ลูกจ้าง เร่งหน่วยงานจัดสอบ-บรรจุข้าราชการเพิ่มโอกาสทำงานให้ประชาชน
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 54.81 จุด -1.51%
-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 276.11 จุด -0.96% เช้าเปิด + 119.16 จุด ขานรับ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ศก.ญี่ปุ่น
ปัจจัยลบ
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลงเล็กน้อย 22.96 จุด -0.07% ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และรอผลการประชุมFED เกี่ยวกับนโยบายการเงินว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนต่อไปหรือไม่
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 16 เซนต์ -0.3% ปิดที่ $52.61 ต่อบาร์เรลกังวลผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐและทั่วโลก
-ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่ม 5.05 แสนราย รวม 100.78 ล้านราย ขณะที่ภายในประเทศไทยวานนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 959 ราย ในปท.89-ตรวจเชิงรุก 848-ตปท.22
-สทท.คาดดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q1/64 ต่ากว่า Q4/63 จากกังวลโควิดระลอกใหม่ และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับสู่ภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้า
+/-เงินบาทปิดตลาดวันนี้ 'ทรงตัว'ที่ 29.98 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดรอติดตามการเดินหน้ามาตรการการคลังสหรัฐฯ ในสภาคองเกรส รวมถึงสัญญาณจาก FED ในการประชุมวันที่ 26-27 ม.ค. นี้
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังคงติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะมีการแถลงในเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,525 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home : ADVANC DTAC TRUE JAS COM7 SIS SYNEX VCOM IIG AS YGG
• หุ้นที่ได้ผลดีจากนโยบายไบเดน : BGRIM GPSC EA RATCH BCPG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเราชนะ : TNP KK CPALL BJC MAKRO
• หุ้นอสังหาฯได้ประโยชน์จากการขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอน : Top pick เลือก LH PSH LALIN LPN SPALI ORI
หุ้นรายงานพิเศษ
SCGP (Bloomberg Consensus 50.00 บาท)
● Core Profit +19% ปี 63 มีรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร +10%YoY รายได้จากธุรกิจเยื่อและกระดาษ -20%YoY ส่งผลให้รายได้ขายรวม +4% กำไรสุทธิ 6,457 ลบ. +23%YoY อัตรากำไรขั้นต้น 12% อัตรากำไรสุทธิ 7% EBITDA margin 18% โดยมีรายการปรับปรุงที่เป็นขาดทุนจาก FX การปรับโครงสร้าง คชจ.ธุรกจควบรวมกิจการ การด้อยค่าของสินทรัพย์และอื่น ๆ มาหักออก 181 ลบ.เหลือเป็นกำไรปกติ 6,276 ลบ. บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.45 บาท yield 1%
● ผลการดำเนินงานในอนาคตมีศักยภาพเติบโตแข็งแกร่งจากการปรับโมเดลธุรกิจไปสู่บรรจุภัณฑ์อาหารในการควบรวมกิจการกับ “Go-Pak” ในเดือนม.ค. 64 ถือหุ้น 100% ให้บริการโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มประเภทนำกลับและพร้อมรับประทานในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่มจากปัจจุบัน 10% เป็น 25% ของรายได้ขายในธุรกิจเยื่อและกระดาษ
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากธุรกิจ packaging ได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ราคาปัจจุบันเทรดที่ PER 33 เท่าสูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 24 เท่า แต่ค่าเบต้าต่ำเพียง 0.37 เท่าอาจถือได้ว่าเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ที่น่าสนใจ
หุ้นมีข่าว
(+) RS (Bloomberg Consensus 24.21 บาท) วางงบลงทุน 700-800 ล้านบาท เร่งปิดดีล M&A เพิ่มอีก 1-2 ดีล ภายในกลางปี 64 หลังล่าสุดเข้าลงทุนใน Chase ถือหุ้น 35% รุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย คาดปี 64 มีส่วนแบ่งกำไร 77 ล้านบาท พร้อมดันเข้าตลาดหุ้นเร็วสุดปี 65 ย้ำรายได้รวมปีนี้ออลไทม์ไฮพุ่ง 5,700 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) PRINC (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus - บาท) จะเล็งออกหุ้นเพิ่มทุนราว 10% เสนอขายพันธมิตร คาดได้เงิน 1,000-1,400 ล้านบาท แย้มขณะนี้เจรจา 3-4 ราย คาดจะได้ข้อสรุปช่วงเม.ย.-พ.ค.นี้ กางแผน 3 ปี ปั๊มรายได้โต 5,000 ล้านบาท ลุยขยายโรงพยาบาล คลินิก และศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) SAMART (Bloomberg Consensus - บาท) ประกาศเกมใหญ่รุกดิจิทัล ชี้โซลูชั่นในมือเพียบครบ พร้อมลงทุนทรานฟอร์มหน่วยงานราชการให้บริการออนไลน์ ชูโมเดล B2G2C ขณะที่กลุ่มธุรกิจกลับมาฟื้น พร้อมดึงคนรุ่นใหม่-Start Up ลุย ด้านโบรกชี้ โมเดลธุรกิจเด่น ชี้โมเดลภาษีสรรพสามิตเบียร์ เป็นพอร์ตสำคัญในการเดินหน้า ชี้โอกาสโตสูง ไม่หวั่นเงินทุน เหตุร่วมงานรัฐกู้ได้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BGC (Bloomberg Consensus 14.52 บาท) เดินหน้าดีล M&A ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เล็งซื้อบริษัทในเครือ "บางกอกกล๊าส" 2 แห่งเฉพาะที่มีกำไร รวมถึงกำลังเจรจาบริษัทนอกเครือ คาดสรุปดีล Q1/2564 ใช้เงินกู้และเงินทุนหมุนเวียน ยืนยันไม่เพิ่มทุน ด้านโบรกชี้ดีลนี้ เสริมแกร่ง BGC เคาะพื้นฐาน 14.70 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตา
ในประเทศ
สัปดาห์ที่ 4 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
29 ม.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
3 ก.พ. ประชุมกนง.นัดแรก
ต่างประเทศ
26-27 ม.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
27 ม.ค. จีน เปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรม
สหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน สต็อกน้ำมัน คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 28 ม.ค.)
28 ม.ค.อียู เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.
สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน GDP 4Q63 (ประมาณการเบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.