ICN - ซื้อ

ICN - ซื้อ

Backlog สูง หนุนผลประกอบการปี 21

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • งวด 9M20 เติบโตแข็งแกร่ง สวนกระแสโควิด-19

     บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานงวด 3Q20 เท่ากับ 496.6 ล้านบาท เติบโต +80%QoQ และ +80%YoY โดยมีสาเหตุจากการได้รับอนุมัติงานโครงการจากลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการเร่งดำเนินงานในโครงการ และส่มอบงานได้มากขึ้นภายหลังจากสถานการณ์ COVID- 19 ในประเทศไทยคลี่คลายลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ระดับ 42.1 ล้านบาท เติบโต +89%QoQ และ +126%YoY ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 9M20 เท่ากับ 78.0 ล้านบาท คิดเป็น 79.5% ของประมาณการทั้งปี

  • ปรับเพิ่มประมาณการ หลังแนวโน้มยังเติบโต พร้อม Backlog ระดับสูง

     สำหรับทิศทางผลประกอบการ 4Q20 คาดว่าจะสามารถทรงตัว QoQ ซึ่งนับเป็นฐานที่สูง เป็นผลมาจากงานรับเหมาวางระบบ อาทิ งานจัดซื้อ พร้อมติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารแบบดิจิตอลในพื้นที่ กฟก.2 และงาน USO เฟส 2 รวมไปถึงงานบริการหลังการขาย อาทิ งานจ้างบำรุงรักษาซ่อมแซมแก้ไขและปรับเปลี่ยนโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

     ขณะที่ทิศทางผลประกอบการปี 21 เราคาดว่าจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น จากการมี Backlog ในระดับสูงถึง 2 พันล้านบาท ซึ่งจะกำหนดรับรู้รายได้ราว 1.4 พันล้านบาทในปี 21 ประกอบกับคาดว่าจะมีงานเข้ามาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2.0 พันล้านบาท เช่น งานบริการบำรุงรักษาสถานีฐาน โครงข่ายหลักและสัญญาณโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการบำรุงรักษาโครงข่ายและระบบกล้องโทรทัศน์ การจำหน่ายอุปกรณ์อะไหล่ของ Huawei และ Nokia รวมไปถึงงานติดตั้งและขยายโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสง

     นอกจากนี้เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามในสัญญาสำหรับโครงการจ้างขยายความจุระบบเชื่อมโยง DWDM ส่วน Backhaul และขยายความจุระบบเชื่อมโยง DWDM ส่วน Border กับ CAT มูลค่าโครงการ 444.5 ล้านบาท และได้มีการแต่งตั้ง CEO ใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ICT ซึ่งคาดว่าจะเห็นการรุกขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ๆในอนาคต ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการดำเนินงานปี 20-21 ขึ้น +16.4% และ +45.1% ขึ้นสู่ระดับ 1,438.5 ล้านบาท และ 1970.7 ล้านบาท และปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 20-21 ขึ้น +16.3% และ +45.4% เป็น 114.3 ล้านบาท และ 156.5 ล้านบาท ตามลำดับ

  • ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 21 ที่ 10 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ

     เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 21 ที่ 4.10 บาท (จากเป้าปี 20 เดิมที่ 2.58 บาท) ภายใต้สมมิติฐานประมาณการใหม่ โดยประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 2 ปีที่ระดับ 11.7 เท่า ยังมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 19.9% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
  2. การดำเนิงานโครงการและการส่งมอบงานล่าช้า