STEC - ซื้อ

STEC - ซื้อ

ประมาณการ 4Q63: จะเป็นไตรมาสที่กำไรสูงสุดเพราะรายการพิเศษ

Event

ประมาณการ 4Q63

lmpact

กำไรใน 4Q63 จะเพิ่มขึ้น QoQ จากรายการพิเศษ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ STEC ใน 4Q63 จะอยู่ที่ 331 ล้านบาท (-44.8% YoY, +41.2% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะ i) ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมประมูลโครงการต่าง ๆ อย่างเช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ii) อัตรากำไรขั้นต้นลดลง ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะ i) มีกำไรจากการขายโครงการหมอชิตแลนด์ 130 ล้านบาท และ ii) มีกำไรจากการประเมินมูลค่าที่ดินใหม่ (70 ล้านบาท) ซึ่งถ้าหากผลประกอบการ 4Q63 เป็นไปตามคาดก็จะทำให้กำไรในปี 2563F คิดเป็น 89.7% ของประมาณการกำไรปี 2563F ของเรา โดย downside จะมาจากผลกระทบของ COVID-19 (ในด้านแรงงาน) ต่ออัตรากำไรขั้นต้น และค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นใน 4Q63 เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท (-4.2% YoY, +2.0% QoQ) และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง QoQ จาก 5.0% ใน 3Q63 เหลือ 4.3% ใน 4Q63 แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q63 จะอยู่ที่ 171 ล้านบาท (-66.4% YoY, - 27.0% QoQ)

ไม่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของโครงการก่อสร้างรัฐสภา และรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง

ผู้บริหารมั่นใจว่าจะมีขยายระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญาในโครงการรัฐสภาออกไปอีก โดยบริษัทได้ยื่นขอขยายเวลาก่อสร้างตามสัญญาไปอีก 150 วันแล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการอนุมัติให้ขยายสัญญา STEC อาจจะต้องจ่ายค่าปรับสูงสุดประมาณ 1-1.2 พันล้านบาท ในขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองน่าจะขยับกำหนดเปิดดำเนินการจากเดือนตุลาคม 2564 ไปเป็นปี 2565 แทน แต่เราคิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับ STEC เพราะขอบเขตของงาน O&M เป็นของ BTS Group holdings (BTS.BK/BTS TB)* ทั้งนี้ เราคาดว่าสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย (3.4 พันล้านบาท) จะผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีใน 1Q64

Backlog แข็งแกร่งอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ STEC มีรายได้ไปอีกสามปี

ในปัจจุบัน STEC มียอด backlog อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทไปอีกประมาณสามปี นอกจากนี้ backlog ใหม่จากโครงการที่บริษัทเข้าร่วมประมูล อย่างเช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (งานโยธามูลค่า 9 หมื่นล้านบาท), รถไฟทางคู่สองเส้นทาง (เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ, บ้านไผ่ – นครพนม มูลค่ารวม 1.28 แสนล้านบาท) ก็ยังนับเป็น upside อีก ทั้งนี้ เราได้รวมส่วนแบ่งตลาด 20% ของโครงการใหม่ ๆ (Figure 2) เข้ามาไว้ในประมาณการรายได้ของเราแล้ว ในขณะที่เราคาดว่างาน O&M ของโครงการมอเตอร์เวย์น่าจะเซ็นสัญญาได้ใน 1Q64

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 16.60 บาท อิงจาก PER ที่ 23.8x เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 จะโต 11.7% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น (จาก 4.2% ในปี 2563 เป็น 4.6% ในปี 2564) เนื่องจาก i) จะมีการส่งมอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา (margin เป็นศูนย์) และ ii) ส่วนแบ่งรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น (หินกอง, ปลวกแดง)

Risks

งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด, ขาดแคลนแรงงาน และวัสดุก่อสร้างแพงขึ้น