ส.ประกันชีวิตเล็งผุด‘บำนาญใหม่’ อุ้มคนไทยมีเงินออมพอใช้ยามแก่
สมาคมประกันชีวิตฯ เร่งหารือ คปภ. ชูแนวคิด“ประกันบำนาญแบบใหม่” หวังได้เห็นในปีนี้ เผยทุนประกันไม่สูง มีเงินออมระหว่างทาง พร้อมเปิดทางนำเงินผลประโยชน์ออกมาใช้ก่อนกำหนดได้ ย้ำเบี้ยไม่แพงเข้าถึงตั้งแต่เด็กรุ่นใหม่-วัยเริ่มทำงาน อีกทั้งน่าจะเห็นการเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลและเนิร์สซิ่งโฮมด้วย หนุนคนไทยมีเงินออมพอใช้ยามเกษียณ
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่าสมาคมฯ มีแนวคิดปรับปรุงกรมธรรม์ประกันบำนาญใหม่ เพื่อรองรับสังคมสูงวัยและสนับสนุนการออมเงินให้มีเพียงพอใช้หลังเกษียณ เนื่องจากแบบประกันบำนาญที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถให้เงินที่เพียงพอต่อการครองชีพในภาวะปัจจุบันและอนาคตได้ จึงควรมีการพัฒนากรมธรรม์ รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการออมเงินระยะยาวผ่านประกันบำนาญมากขึ้นโดยสมาคมฯ จะเร่งหารือกับสำนักงานกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.)เพื่อผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุดหวังว่าจะเห็นผลได้ในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันประชากรสูงวัยมีสัดส่วน 18-20% ของประชากรทั้งประเทศแล้ว
สำหรับรูปแบบประกันบำนาญใหม่ ที่เหมาะสมต่อการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุ มองว่า ไม่จำเป็นต้องมีทุนประกันชีวิตที่สูงมากแต่สามารถสะสมเงินระหว่างทางเพื่อให้มีเงินก้อนไว้ใช้หลังเกษียณ นอกจากนี้ ควรเปิดทางเลือกให้ผู้ทำประกันสามารถเลือกได้ว่าจะนำเงินผลประโยชน์ออกมาใช้ระหว่างทางก่อนครบกำหนดหรือเลือกรับเป็นเงินก้อนเมื่อครบอายุ ส่วนทางด้านเบี้ยประกันอาจไม่สูง สอดคล้องกับรายได้ของคนวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ตอนนี้เห็นความสำคัญของการออมเงินเพื่อการเกษียณแล้ว
นอกจากนี้ น่าจะเห็นมีการเชื่อมโยงประกันบำนาญเข้ากับระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาล เนิร์สซิ่งโฮมด้วย เพราะการเชื่อมโยงไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัยเกษียณ จะช่วยให้คนมีความเป็นอยู่ได้อย่างยั่งยืน
“ตลาดประกันบำนาญในปีที่ผ่านมามีเบี้ยประกันการเติบโตราว 17.5% เนื่องจากเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำและคาดว่าจะเติบโตได้มากในปีนี้ จากการที่ธุรกิจประกันชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปดูแลสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียญและในยุคที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยทุกภาคส่วนผลักดันเรื่องการออมเงินรองรับในเรื่องนี้มากขึ้น”
ทางด้านแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปี2564 นายสาระ กล่าวว่า สมาคมฯ คาดการณ์มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจะอยู่ระหว่าง 590,000 -610,000ล้านบาท หดตัว1% ถึงเติบโต 1% ในปี2563มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 600,206.48 ล้านบาทหดตัว 1.75% ขณะที่มีอัตราความคงอยู่ราว81-82% ยังอยู่ในระดับสูง และยอดเงินกู้กรมธรรม์ ยังอยู่ในอัตราที่ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทประกันพร้อมดูแลผู้เอาประกันได้
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับทางธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(GDP) เพิ่มขึ้น2.5-3.5%ซึ่งการเข้าถึงวัคซีนของไทยที่คาดว่าจะมาถึงไทยและจะเริ่มฉีดให้ประชาชาได้ในปีนี้ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ
“มองว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะโควิด -19 เป็นตัวเร่งในหลายเรื่อง โดยเฉพาะทำให้คนไทยหันมาสนใจดูแลสุขภาพและมีความต้องการประกันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งช่องทางดิจิทัลทำให้คนไทยเข้าถึงประกันชีวิตมากขึ้นเช่นกัน อีกทั้งสินค้าประกันชีวิตที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ตามความต้องการเฉพาะตัวมากขึ้น แต่ทางด้านกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยน เช่น มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS17 คาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2567 ,กฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบบุคคล และการบังคับใช้มาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ ยังเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทประกันภัยต้องปรับตัว"