“คลับเฮ้าส์” โจทย์ท้าทายนักการตลาด ภารกิจเร่งฝีเท้าทันแพลตฟอร์มออนไลน์ 

โลกที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี-ดิจิทัล ไม่ได้แค่ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แต่ธุรกิจต้องหมั่นปรับตัว ขบคิดกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทว่า นับวัน “สื่อ” ที่เป็นตัวกลางส่งเนื้อหา การสื่อสารถึงผู้บริโภค จึงมี “แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียน้องใหม่” แจ้งเกิด ช่วงชิงเวลาชีวิตของผู้คนอยู่เสมอ

กระแสแรงนาทีนี้หนีไม่พ้น Clubhouse แพลตฟอร์มที่ถ่ายถอดเรื่องราวผ่านเสียงสด(Audio) ท่ี่บรรดากลุ่มคนที่เป็นผู้นำทางความคิด(Thought Leader) แต่ละวงการเข้าไปใช้งานจำนวนมาก เช่น อีลอน มัสก์, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารองค์กรชั้นนำของไทย จึงไม่พลาดที่นักการตลาด แบรนด์ต้องเข้าไปเรียนรู้ทำความเข้าใจแพลตฟอร์ม ส่องโปรไฟล์ผู้ใช้งาน 

“หากมีแพลตฟอร์มใหม่ที่ฉายแววจะขยายสู่วงกว้างได้ นักการตลาดต้องจับตา เพราะมันคือโอกาสของแบรนด์” มุมมองจาก อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด

เมื่อปรากฏการณ์คลับเฮ้าส์ดังจากกลุ่มผู้บริโภคหัวก้าวหน้า ผู้นำในการลองของใหม่หรือ Early Adopters ใช้งานแล้วทำให้การเติบโตของผู้ใช้งานแอ๊พพลิเคชั่นเป็นแบบก้าวกระโดด จากอันดับ 4 ขยับสู่ที่ 1 อย่างรวดเร็ว

ที่ต้องเกาะติดต่อคือแอ๊พพลิเคชั่นจะขยายสู่กลุ่มที่ตามกระแสหลักแต่ยังระวังในการใช้งานหรือ Early Majority รวมถึงคนจำนวนมากที่ใช้มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดของประเทศไทยครองสัดส่วนราว 75% แต่ข้อจำกัดของแอ๊พฯดาวน์โหลดได้เฉพาะระบบ iOS ซึ่งมีคนใช้ระบบปฏิบัติการราว 25%

“ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้ iOS ที่ลงทะเบียนใช้งานคลับเฮ้าส์”

คลับเฮ้าส์ จะเขย่าโลกโซเชียลมีเดียแค่ไหน อรรถวุฒิ วิเคราะห์ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคยังไม่ต้องการออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ปาร์ตี้ไม่ได้ จึงมีเวลานั่งฟังเรื่องราวต่างๆผ่านคลับเฮ้าส์กันคึกคัก มีห้อง หัวข้อหลากหลายดึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งบันเทิง รัก ธุรกิจฯ เหมือนไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนแล้วคุยกัน  ที่ต้องจับตาคือหลังโควิดคลี่คลาย ผู้บริโภคกลับสู่ชีวิตปกติ ใช้เวลาของตัวเองมากขึ้นทั้งเสพความบันเทิง ชอปปิง ฯ 

"หากกลับสู่โหมดใช้เวลาของตัวเอง ผู้บริโภคจะยังอินกับแอ๊พฯนี้อยู่ไหม แต่ไม่เชื่อว่าพฤติกรรมนี้จะอยู่ตลอดไป นี่เป็นช่วงเห่อ เหมือนเน็ตฟลิกซ์ ติ๊กต๊อกเข้ามาแรกๆ”

ทั้งนี้ การเข้าไปพูดคุยในคลับเฮ้าส์ทุกวันผ่านไประยะหนึ่ง พบว่าผู้บริโภคเริ่มสะท้อนจุดด้อยเรื่อง “หัวข้อสนทนา” ที่เริ่มวนซ้ำ เช่น การลงทุน ไลฟ์โค้ช การตลาด ฯ ทั้งความยากที่ผู้ฟังต้องเอาใจจดจ่อการ “ฟังสดๆ”  ไม่เช่นนั้นจะไม่รู้เรื่อง เมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆที่ออกอากาศสด มีภาพประกอบ เช่น คุยเรื่องกราฟหุ้น จินตนาการภาพคงยาก คลับเฮ้าส์จึงช่วยเติมเต็มระบบนิเวศหรือ Ecosytem ดิจิทัล

 

“แพลตฟอร์มออนไลน์หลากหลาย การทำงานยากขึ้น เพราะภาพรวมผู้บริโภคจะจ่ายเงินซื้อสินค้าก็ต่อเมื่อแบรนด์มอบคุณค่าให้จริงๆ และฟังก์ชั่นตอบโจทย์ความต้องการ ไม่ใช่แค่ลดราคา ขณะที่ลูกค้าแบรนด์ต่างๆ เราต้องเตื่อนสติ นั่งวิเคราะห์ให้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายแบรนด์สินค้าคือใคร การมีคลับเฮ้าส์ไม่ใช่ทุกคนต้องเข้าไปทำตลาด แต่ต้องรู้จัก ลองใช้งานให้เข้าใจแพลตฟอร์ม”

หนึ่งในแบรนด์ที่ลองเรียนรู้คลับเฮ้าส์คือ จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเจ้าตัวพบว่าแบรนด์ นักการตลาดไม่จำเป็นต้องหาคำตอบว่าแอ๊พพลิเคชั่นนี้จะฮิตหรืออยู่นานแค่ไหน แต่เป็นปกติของน้องใหม่ที่ผู้บริโภคต้องเห่อแห่ใช้งานจำนวนมากจนโตก้าวกระโดด ถึงระดับหนึ่งจะลดความร้อนแรง ช่วงที่คนเบื่อบ้าง และอาจกลับมาโตอีกครั้งตามวัฏจักรเทคโนโลในแบบฉบับ Hype Circle ของ Gartner

 ถึงกระนั้น นักการตลาดยังต้องศึกษาเกาะติดไปตลอด ส่วนความน่าสนใจของคลับเฮ้าส์คือการเข้ามา “ดิสรัป” หรืออาจลบภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีคือ “ผู้บริโภคไม่ดูรายการสด” หรือ LIVE ไม่ดูทีวีแล้ว รอดูย้อนหลังดีกว่า

แสี

ขณะที่จุดเด่นคลับเฮ้าส์คือการมีห้อง หัวข้อสนทนาสำหรับคอเดียวกันเสมือนชนเผ่า(Tribe)มารวมตัวกัน

“คลับเฮ้าส์ทำให้เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคโหยหาความสมจริง Live การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน มีส่วนร่วมหรือเอนเกจเมนต์ ทำให้ยอมอดหลับอดนอนฟังหัวข้อในห้องต่างๆ ไม่เช่นนั้นอาจพลาดเนื้อหาได้” 

นันยางกับโอกาสทำการตลาดบนคลับเฮ้าส์ จักรพล มองว่าเร็วเกินไป แต่สิ่งที่บริษัทและตนเองต้องทำคือลองใช้งาน เรียนรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์ม เข้าห้อง ฟังหัวข้อต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้า #thaisneakerheads การเปิดห้องระลึกความหลัง “ครั้งหนึ่งเมื่อฉันใส่นันยาง” จนได้ “ฟังเสียงผู้บริโภค” สะท้อนความต้องการสินค้าและบริการโดยตรง

“แพลตฟอร์มออนไลน์มีมาก กลัวตกกระแสไหม จุดนี้มองว่าอยู่ที่แบรนด์จะใช้ประโยช์ต่อยอดการทำตลาดอย่างไร”