ขาดปัจจัยใหม่
ตลาดหุ้นวานนี้พลิกปิดในแดนลบจากระหว่างขึ้นไปบวกสูงสุดเกือบ 20 จุด และอ่อนแอกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก
คาดตลาดภายในประเทศเผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องหลายวันทำการ โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,543.76 จุด -0.35 จุด -0.02% มูลค่าการซื้อขาย 108,474.21 ลบ. ต่างชาติ +25.77 ลบ. TFEX +1,440 สัญญา ตราสารนี้ -3,167 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 306.14 จุด หรือ +0.97% ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มสายการบิน และกลุ่มโรงแรม
+ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของโลก
+ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ภายในปลายเดือนมี.ค.ถึงต้นเดือนเม.ย.นี้ ยสท.จะเปิดลงทะเบียนเกษตรกรเพื่อเข้าร่วมโครงการปลูกพืชกัญชง และกัญชาเชิงพาณิชย์
+ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เรียกร้องรัฐบาลเปิดประเทศให้คนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว เริ่มต้นเดือน มิ.ย.นี้
+ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบวัคซีนพาสปอร์ต ชงลดกักตัวเหลือ 7 วัน เริ่มเม.ย.นี้ เว้นแอฟริกา 14 วันตามเดิม
ปัจจัยลบ
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 65.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่า กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย
- คลังยันหนี้ประเทศยังไม่น่าห่วง ปัจจุบันอยู่ที่ 8.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 51.9% ต่อจีดีพี
- เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานยาแห่งยุโรป เรียกร้องให้สมาชิก EU ระงับการอนุมัติวัคซีน Sputnik V ซึ่งเป็นวัคซีนต้านไวรัสโควิด
-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงเป้าจีดีพี 2.6% ชี้ท่องเที่ยวยังฟื้นยาก
-หนี้ครัวเรือนยังน่าห่วง แนะควรต่อมาตรการช่วยเหลือโควิด-19
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้าหนุนตลาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เริ่มอ่อนตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,530-1,555 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น TTA PSL RCL
• วัคซีนพาสปอร์ต AWC MINT CENTEL CPN CRC SPA AOT
• โรงพยาบาลที่ยื่นขอนำเข้าวัคซีน-19 THG BDMS BCH RAM PRINC
หุ้นรายงานพิเศษ
EA Neutral (Consensus 69.00)
•รายงานกำไรปี 63 ที่ 5.2 พันลบ. -14.4%YoY เนื่องจากรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ปรับตัวลงตามความเข้มแสงที่น้อยเนื่องจากฝนตกมากกว่าปี 62 อีกทั้งค่า Ft ทรงตัวในระดับต่ำตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมผลประกอบการดีขึ้นตามความเร็วลมที่สูงขึ้น
•ปี 64 คาด 1H64 ยังไม่มี catalyst ใหม่เนื่องจากยังรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมด้วยกำลังการผลิตเท่ากับปี 63 ขณะที่ธุรกิจ Bio Diesel ยังใช้กำลังการผลิตในระดับสูงใกล้เคียงปี 63 จากนโยบายภาครัฐที่ให้ใช้ B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานช่วยหนุนการผลิตของโรงงาน Bio Diesel
•2H64 มี catalyst จากโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่ลิเทียม และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปลาย 2Q64 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการใน 2H64 เราจึงมีมุมมอง Neutral และรอ Catalyst ใน 2Q64 ที่โรงงานแบตเตอร์รี่และรถยนต์ไฟฟ้าแล้วเสร็จ
หุ้นมีข่าว
(+) BCPG (Bloomberg Consensus 17.03 บาท) ดันอีบิทด้าปี 64 โต 30-40% เล็งปิดดีล M&A ในไทยและต่างประเทศกว่า 2-3 ราย คาดได้ข้อสรุปกลางปีนี้ เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 4 โครงการ คาด COD จำนวน 3 โครงการ รวม 65 เมกะวัตต์ในไตรมาส 4/64 ฟาก PSTC ลุยโครงการท่อขนส่งน้ำมัน เริ่มรับรู้รายได้ทันทีไตรมาส 4/64 (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CRC (Bloomberg Consensus 39.00 บาท) ลั่นรายได้ปี 64 โต 10-12% จากยอดขายในไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมรุกตลาดออนไลน์เต็มสูบหลังควบรวม COL หวังดันสัดส่วนออนไลน์ปีนี้พุ่ง 15% อัดงบลงทุน 16,000-18,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CKP (Bloomberg Consensus 5.90 บาท) จัดงบ 1,826.55 ล้านบาท เดินหน้าขยายลงทุนธุรกิจเข้าซื้อหุ้น "ไซยะบุรี พาวเวอร์ : XPCL" เพิ่มอีก 5% ดันสัดส่วนถือหุ้นเป็น 42.50% คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2564 ลุยให้บริการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเต็มสูบ ส่งซิกเตรียมจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้น 20 พฤษภาคม 2564 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) STGT (Bloomberg Consensus 53.60 บาท)ประเมินในช่วง 3 ปีนี้ยังเป็นปีทองของธุรกิจถุงมือยาง เหตุความต้องการยังล้นกว่าจำนวนที่ผลิตได้ ชี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แถมยังมีดีมานด์ใหม่จากอุตสาหกรรมอื่นๆ มองผลประกอบการไตรมาส 1/2564 จะดีกว่าไตรมาส 4/2563 จากราคาขายที่เพิ่มขึ้นอีก 20% เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคมนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตา
ในประเทศ
สัปดาห์ที่ 2 หอการค้าไทย-ม.หอการค้าไทยแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
สัปดาห์ที่ 4 ก.พาณิชย์แถลงส่งออก-นำเข้า
24 มี.ค.ประชุมกนง. ครั้งที่ 2/2564
สัปดาห์ที่ 5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที่ 5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
31 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ต่างประเทศ
9 มี.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผย GDP 4Q63 (ประมาณการครั้งสุดท้าย)
อียูเปิดเผย GDP ไตรมาส 4/2563 ครั่งที่ 3
สหรัฐ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.พ.
10 มี.ค. จีนเปิดเผยดัชนี CPI - PPI
สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อและสต็อกน้ำมัน
11 มี.ค. จีนเปิดเผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ.
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนม.ค.