ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ.64 ฟื้นตัว
“พาณิชย์” เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.64 ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังประชาชนมั่นใจในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล และความคาดหวังต่อวัคซีนโควิด-19 คาดแนวโน้มดีขึ้นต่อ และจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในเดือนก.พ.2564 ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45.5 เทียบกับระดับ 43.2 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 36.3 มาอยู่ที่ระดับ 38.1 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต พบว่าปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 47.7 มาอยู่ที่ระดับ 50.4
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกเป็นรายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 43.3 มาอยู่ที่ระดับ 47.0 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 44.5 มาอยู่ที่ระดับ 46.1 เมื่อจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 49.3 มาอยู่ที่ระดับ 51.4 ซึ่งอยู่ระดับสูงสุด และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นแล้ว ในขณะที่กลุ่มเกษตรกร ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 44.3 มาอยู่ที่ระดับ 46.8 และกลุ่มผู้ประกอบการ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 43.8 มาอยู่ที่ระดับ 45.8
นายจุรินทร์กล่าวว่า จากการที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตที่กลับมาอยู่ในช่วงความเชื่อมั่นอีกครั้ง เนื่องจากจากประชาชนมีความเชื่อมั่นในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐบาล เช่น โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการเราชนะ โครงการ ม.33เรารักกัน โครงการคนละครึ่ง เป็นต้น ที่เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนทุกระดับอย่างทั่วถึง สามารถเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีแนวโน้มคลี่คลายลง และมีความคาดหวังในเรื่องวัคซีนที่จะเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มแรกในเดือนมี.ค.2564 ทำให้แนวโน้มความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต หากไม่มีสถานการณ์เปลี่ยนไปจากทิศทางนี้