วีไอพี เจ.ดี.กรุ๊ปชูการันตียิลด์ปีละ6%ใน 2 ปี ดึงกลุ่มนักลงทุนปิดโครงการคอนโดใกล้สนามบินภูเก็ต
วีไอพี เจ.ดี.กรุ๊ป พลิกเกมชูกลยุทธ์การันตียิลด์ ปีละ 6-10% ภายใน 2 ปี หวังกระตุ้นกำลังซื้อจากกลุ่มนักลงทุนกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดเข้ามาช่วยปิดโครงการ "วีไอพี เกรทฮิลล์ คอนโดฯ สนามบิน”ภูเก็ต หลังเหลือจำนวน87ยูนิตมูลค่า120ล้านบาท
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหารบริษัท วีไอพี เจ.ดี.กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนายอมรชัย ฮวง ประธานอำนวยการบริหาร และ นายวิทยา ชัยธาวุฒิ รองประธานผู้บริหารสายการเงิน กล่าวถึง ความคืบหน้าของโครงการ“วีไอพี เกรท ฮิลล์ คอนโดมิเนียม”ว่า หลังจากเปิดโครงการต้นปี2563 ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดขายไม่หวือหวาเท่าที่ควร แต่สามารถทำยอดขายขายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจาก โครงการดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของคนในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยวในจ. ภูเก็ต โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเกาะใกล้กับสนามบิน เพราะจากการสำรวจความต้องการพบว่า คนภูเก็ตยังมีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 20,000 คน แต่ปัจจุบันพบว่าราคาบ้านจัดสรรหรือคอนโดที่ขายอยู่ราคาเกินความสามารถของคนที่ต้องการซื้อทำให้เช่าอยู่เฉลี่ยเดือนละ 8,000 - 10,000 บาท
ทางบริษัทจึงเห็นเป็นโอกาสพัฒนาคอนโดในราคาที่จับต้องได้ จึงได้ร่วมกันพัฒนาโครงการ“วีไอพี เกรท ฮิลล์ คอนโดมิเนียม”ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการมีที่พักเป็นของตัวเองในราคาที่เข้าถึงง่าย โดยโครงการ วีไอพี เกรท ฮิลล์ คอนโดมิเนียม มีมูลค่า 350 ล้านบาท มีจำนวน 215 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 20.5 - 32.8 ตร.ม. ระดับราคา 1.2 -2.2 ล้านบาท หลังจากเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก่อนเกิดโควิด-19 แต่สามารถขายได้แล้ว 128 ยูนิต เหลือ 87 ยูนิต มูลค่า120ล้านบาทซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเป็นกลุ่มคนไทย ส่วนชาวต่างชาติ ซื้อจำนวน 38 ห้อง ซึ่งการก่อสร้างคืบหน้ากว่า 65% คาดว่าเสร็จในเดือนส.ค. และพร้อมโอนภายในเดือนก.ย.นี้
นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากได้กลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพิ่ออยู่อาศัยจริงแล้ว บริษัทก็มองเห็นโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนคนไทย ไม่ว่าจะเป็น คนกรุงเทพฯและคนจังหวัดอื่นๆ ที่ชื่นชอบภูเก็ตและสนใจ ซื้อเพื่อลงทุนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ที่สามารถเก็บเป็นสินทรัพย์ สร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว ด้วยการปล่อยเช่าสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะมีบ้านของตัวเองหรือให้นักท่องเที่ยว ต่างชาติ เช่าพักอาศัยในเวลาที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต จึงได้ใช้กลยุทธ์การรับประกันรายได้จากค่าเช่า 2 ปีแรก ในอัตรา 6% ต่อปี โดยรายได้ ปีแรกผู้ซื้อจะได้รับทันทีในวันโอนห้องชุด หลังจากนั้นปีที่ 3 – ปีที่ 7 ปี ทางโครงการจะบริหารจัดการห้องชุดให้ โดยแบ่งรายได้ ให้เจ้าของห้องชุด 70 % ซึ่งจะทำให้เจ้าของห้องมีรายได้อยู่ที่ ประมาณ 50,000 - 90,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับราคาห้องชุดแต่ละขนาด คาดว่า สิ้นปีนี้จะสามารปิดโครงการได้
นายธนูศักดิ์ ระบุว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนและผู้ซื้อมั่นใจว่าหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาเฟืองฟูอีกครี่ง เนื่องจากผลการสำรวจพบว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการด้านที่พักอาศัยอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนที่ทางโครงการบริหารจัดการให้ หรือซื้อเพื่อเป็น ทำงาน บ้านหลังที่สองหรือเพื่อทำงานจากที่บ้าน เพราะภูเก็ต เป็นจังหวัดที่ที่มีเสน่ห์จากธรรมชาติสวยงาม คาดว่า เวลานี้ในส่วนของคนไทยที่ต้องการจะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นการลงทุนหันมอง อสังหาฯในจ.ภูเก็ตเพราะหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายจะมีการปรับตัวในเรื่องของราคาอสังหาฯเมื่อถึงเวลานั้นอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตจะมีราคาสูงขึ้น